ในเดือนตุลาคมปี 2566 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2566 อยู่ที่ 2.7% จากเดิม 3.4% และในปี 2567 อยู่ที่ 3.2% จากเดิม 3.6% สาเหตุหลักมาจากการเติบโต GDP ในไตรมาส 2/2566 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ล่าช้าและการส่งออกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี IMF คาด
จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลถึงวิกฤติในธนาคารบางรายในสหรัฐและยุโรป ธุรกิจธนาคารกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากกรณีผู้ลงทุนและ ผู้ฝากเงินขาดความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภาครัฐและธนาคารกลางได้เข้ามาให้ความช่
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อีกทั้งความเสี่ยงจากการเกิด recession ในหลายประเทศเร่งตัวเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยลบทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงลบและปรับตัวลดลงตลอดปี แต่ SET Index กลับมีความผันผวนที่น้อยกว่าและเป็นดัชนีเพียงไม่กี่ดัชนีในโล
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง อีกทั้งความเสี่ยงจากการเกิด recession ของสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเร่งตัวเพิ่มสูงขึ้น นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตเร็วกว่าคาด
ตัวเลขเศรษฐกิจจริงของประเทศสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวในไตรมาส 3 ปี 2565 ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปเริ่ม ชะลอลงแต่ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายนโยบายการเงิน ส่งผลให้ผู้ลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกในปีหน้า อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกในปี 2566
ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) สะท้อนมุมมองว่าธนาคารกลางสหรัฐต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในระดับเป้าหมายภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนเอง ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องจะส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิ
จากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลายประเทศเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยประกาศเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 7 เดือนแรกปี 2565 เพื่อชะลอเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบา
ความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นทำให้ธนาคารหลายแห่งทั่วโลกจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการ Lockdown อย่างเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะในมณฑลเซี่ยงไฮ้ เป็นสองปัจจัยซึ่งอาจทำให้เศรษ
ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาก และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 100 USD/ Barrel ทำให้มีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ส่วนต่างระหว่
ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลกโดยเห็นสัญญาณการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งพบว่ามีเงินลงทุนจำ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คงประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2565 แต่ลดความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ตามอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่จากปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานซึ่งทำให้เกิดเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้มีการคาดการณ์ว่าธ
ในเดือนพฤศจิกายน 2564 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากประมาณการครั้งก่อน จากการขยายตัวของการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ลดลงน้อยกว่าที่คาดในไตรมาส 3 ปี 2564 และแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้นจากการปรับคา
ในเดือนตุลาคม 2564 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ลงเล็กน้อย โดยสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในหลายประเทศ ทั่วโลกส่งผลให้ธนาค
ในเดือนกันยายน 2564 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 และปี 2565 จะขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยคาดว่าเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะได้รับผลบวกจากการกระจายวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าคาด โดยปัจจัยที่สร้างความไม่แน่น
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมการควบคุมสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าในไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ประกอบกับการจัดงาน Thailand Focus ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน อีกทั้งผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมือง Jackson Hole เม
การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 สายพันธ์เดลต้าในไทยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 รายต่อวันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 ในขณะที่ SET index ปรับตัวลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโล
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขการส่งออกของไทยเติบโต โดยในเดือนพฤษภาคม 64 มูลค่าการส่งออกไทยเพิ่มขึ้นถึง 41.59% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเ
ตลาดหุ้นได้ไทยรับแรงสนับสนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่เริ่มแพร่หลายโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยเฉพาะในกล
ในช่วงมกราคม-เมษายน 2564 แต่ละประเทศทยอยฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ประชากรโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้ IMF คาดการณ์เศรษฐกิจโลกว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติ และปรับประมาณการเติบโตของ GDP โลกเพิ่มขึ้นจาก 5.5% เป็น 6.0% โดยการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดประ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือน สะท้อนความกังวลในการปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางหลักในหลายประเทศลดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้นตามแ
ในเดือนมกราคม 2564 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะเผชิญปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รอบใหม่ภายในประเทศทำให้ภาครัฐได้ออกมาตรการ partial lockdown และ จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดในบางพื้นที่ อย่างไรก็ดี ผลตอบรับเชิงบวกจากผลการชนะเลือกตั้งทั้งในสภาล่างและสภาบนของพรรคเดโมแครต (Blue Wav
ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ การชนะเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตในสหรัฐฯ ที่มีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าโลกทำให้นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ทั้งเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ว่าจะฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น อีกทั้งมีความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ของบริษัทยาขนาดใหญ่หลายแห่ง นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร
ในเดือนตุลาคม 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาปรับตัวดีกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา และเกรงจะเกิด Lock Down รอบ 2 ใน EU แต่ SET Index ปรับตัวทิศทางตรงข้ามกับดัชนีของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,237.04 จุด ลดลง 5.6% จากเดือนก่อน โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ได้แก่ ความล่าช้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าคาด รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทำให้ SET Index ปรับลดลง 21.7% จากสิ้นปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า MSCI ASEAN ที่ลดลง 24.7% จากสิ้นปีก่อนหน้านายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ
กรุงเทพฯ-9 ก.ย.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2563 SET Index ปิดที่ 1,310.66 จุด ปรับลดลง 1.3% จากเดือนก่อน โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกสอง รวมถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศ ทำให้ SET Index ปรับลดลง 17.0% จากสิ้นปีก่อน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า MSCI ASEAN ที่ลดลง 19.9%
กรุงเทพฯ-6 ส.ค.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 SET Index ปิดที่ 1,328.53 จุด ค่อนข้างทรงตัว โดยลดลง 0.8% จากเดือนก่อน สาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้ลงทุน ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกสอง อีกทั้งเป็นช่วงเวลาเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ รวมถึงการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีแรกทำให้ SET Index
กรุงเทพฯ-8 ก.ค.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,339.03 จุด ลดลง 0.3% จากเดือนก่อน ทั้งนี้หากพิจารณาผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.8% โดยในเดือนมิถุนายนเมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปีก่อนพบว่าเกือบทุกอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index ยกเว้น กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร
กรุงเทพฯ-12 พ.ค.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,301.66 จุด เพิ่มขึ้น 15.6% จากเดือนก่อน มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 68,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 46,782 ล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในเอเชีย นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์อง
กรุงเทพฯ-8 เม.ย.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,125.86 จุด ลดลง 16% จากเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ดี มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 71,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.8% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 78,363 ล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในเอเชีย นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ
กรุงเทพฯ-9 มี.ค.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,340.52 จุด ลดลง 11.5% จากเดือน ม.ค. อย่างไรก็ดี มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในปี 2563 อยู่ที่ 65,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ 19,399 ล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียน นายศรพล ตุลยะเสถียร