ที่แอร์เมส เรื่องราวมักเริ่มต้นจากภาพลายเส้น ลวดลายมิติภาพแบบ Perspective cavalière ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อเป็นลวดลายสำหรับผ้าพันคอผ้าไหมในตอนแรกนั้น ได้ปรากฎขึ้นอีกครั้งบนแผ่นหน้าปัดทองคำ โดยช่างฝีมือบรรจงเลือกใช้เครื่องมือในการแกะสลักตกแต่งลวดลายให้มีมิติตื้นลึกอย่างวิจิตรบรรจงบนแผ่นโลหะ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเคลือบ ช่างฝีมือจะใช้แปรงแต้มผงกระจกที่หลอมละลายลงไปในลายเส้นซึ่งแกะไว้ ก่อนที่จะสรรค์สร้างสีสันให้มีชีวิตชีวาราวกับจิตรกรชั้นเอก โดยการนำเครื่องเคลือบไปเผาภายใต้อุณหภูมิกว่า 800 องศาเซลเซียสอย่างต่อเนื่อง เครื่องเคลือบดังกล่าวจะค่อยๆ เผยมิติความตื้นลึกและความงดงามของชั้นสีที่แตกต่างกัน หลังผ่านขั้นตอนการเผาทีละขั้นอย่างละเอียดประณีตแล้ว ช่างเคลือบจะขัดเกลาชิ้นงานด้วยเครื่องมือที่มีผิวสัมผัสความละเอียดสูง เพื่อให้เรือนเวลานี้ส่องประกายความสง่างามตามแบบฉบับของแอร์เมส
แอร์เมสได้นำเสนอการตีความ Perspective cavalière ผ่านลวดลายมิติภาพอย่างวิจิตรงดงาม ตัวอักษรสลักนูนสองมิติร้อยเรียงเป็นคำว่า Hermès Paris ปรากฏอยู่บนหน้าปัด เรือนเวลาชุดนี้มี 4 สี ได้แก่ ฟ้า แดง เหลือง และขาว และรังสรรค์ขึ้นจำนวนจำกัดเพียงสีละ 6 เรือนเท่านั้น โดยแต่ละเรือนจะได้รับการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บรรจุอยู่ในกรอบตัวเรือนทองคำขาว 750 และขับเคลื่อนการทำงานบอกเวลาด้วยระบบกลไก H1950 รุ่นบางพิเศษจากแอร์เมส