“ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 จำนวนหลักทรัพย์ไทยที่ MSCI ใช้คำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indices เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องการซื้อขายเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันให้ผู้ลงทุนต่างประเทศสนใจเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 เป็นต้นไป จะมีหุ้นไทยคำนวณอยู่ในดัชนี MSCI Global Standard Indices รวมทั้งสิ้น 30 หลักทรัพย์ ขณะที่ 15 หลักทรัพย์ที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices ในจำนวนนี้เป็นหุ้นเข้าใหม่ (IPO) ในปีนี้ถึง 6 หลักทรัพย์ หรือ 40% ของหลักทรัพย์ที่เข้าคำนวณใหม่ทั้งหมด โดยเป็น SET 5 หลักทรัพย์ คือ CHG CKP M MC และ NOK คือ และ mai 1 หลักทรัพย์ คือ MONO สะท้อนว่าหุ้น IPO ที่เข้ามามีขนาดและสภาพคล่องการซื้อขายที่ดี ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน” นายจรัมพรกล่าว
การทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี MSCI รอบนี้ หลักทรัพย์จากอาเซียนที่เพิ่มขึ้นสุทธิ (Net Added) มาจากตลาดหุ้นไทยมากที่สุด โดย MSCI Global Standard Indices มีหลักทรัพย์จากอาเซียนเพิ่มขึ้นสุทธิ 4 หลักทรัพย์ มาจากตลาดหุ้นไทย 2 หลักทรัพย์ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ประเทศละ 1 หลักทรัพย์ ส่วนดัชนี MSCI Small Cap Indices เพิ่มขึ้นสุทธิ 37 หลักทรัพย์ มาจากตลาดหุ้นไทย 13 หลักทรัพย์ สิงคโปร์ 9 หลักทรัพย์ มาเลเซีย 8 หลักทรัพย์ อินโดนีเซีย 5 หลักทรัพย์ และฟิลิปปินส์ 2 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ดัชนี MSCI หรือ MSCI Index เป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ที่ถูกจัดทำขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ผู้ลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้จัดการกองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้จัดการกองทุนที่มาลงทุนในประเทศไทยก็ใช้ดัชนี MSCI มาใช้วัดการลงทุนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การจัดทำดัชนี MSCI แต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นดัชนีระดับภูมิภาคหรือประเทศ หรือแบ่งตามอุตสาหกรรม ตามประเภทของตลาด หรือตามขนาดของหลักทรัพย์ จะไม่ได้นำหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทุกตัวเข้าไปคำนวณดัชนี แต่จะคัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งจะมีเกณฑ์พิจารณาในหลายด้าน เช่น มูลค่าตลาดรวม สภาพคล่องการซื้อขาย จำนวนหุ้นที่ผู้ลงทุนต่างประเทศสามารถซื้อขายได้ เป็นต้น ซึ่งทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศมาก เพราะต้องใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการปรับพอร์ตหรือเพิ่มการลงทุนตาม