นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า 2 เดือน (พ.ย. – ธ.ค. 58) ที่ความตกลงฯ นี้มีผลบังคับใช้และกรมฯ ได้ประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลกฎระเบียบและเงื่อนไขในการใช้สิทธิฯ กันเป็นจำนวนมาก โดยตัวเลขการขอหนังสือรับรองฯ (Form TC) เพื่อนำไปใช้สิทธิฯ ในการขอลด/ยกเลิกภาษีกับศุลกากรชิลี คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 300 ล้านบาท และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะสินค้าที่ไทยส่งออกไปชิลีและขอใช้สิทธิฯ สูงมีความหลากหลายทั้ง สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น อาหารแปรรูป เกษตรแปรรูป สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ชิลีถือเป็นตลาดสำคัญในทวีปอเมริกาใต้ที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะใช้เป็นประตู (gateway) ในการกระจายสินค้าไทยไปสู่ประเทศต่างๆ ที่อยู่ติดกับชิลี เช่น อาร์เจนติน่า บราซิล และโคลอมเบีย เป็นต้น นอกจากนี้ความตกลงดังกล่าวได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย (ไทยกับชิลี) เพราะต่างมีสินค้าสำคัญที่ไม่ได้แข่งขันกันโดยตรง กล่าวคือ ชิลีมีจุดแข็งคือมีวัตถุดิบสำคัญ เช่น ทองแดง เหล็ก เยื่อไม้ ไวน์ และปลาทะเลน้ำลึก (เช่น ปลาเทราต์ และปลาแซลมอน) เป็นต้น ซึ่งไทยต้องการวัตถุดิบเหล่านั้นมาแปรรูปเพื่อผลิตเป็นสินค้าส่งออกกลับไปขายชิลีและตลาดสำคัญอื่นๆ ดังนั้น จึงมองว่ายังมีสินค้าไทยที่มีศักยภาพและโอกาสอีกเป็นจำนวนมากที่จะสามารถทำตลาดในชิลีได้ จึงอยากให้ผู้ประกอบการศึกษาขั้นตอนการใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-ชิลี ซึ่งเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดชิลีและตลาดอื่นๆ ในทวีปอเมริกาใต้
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกที่ประสงค์จะขอใช้สิทธิพิเศษทางการค้าส่งออกไปชิลี สามารถสอบถามข้อมูลและติดตามข่าวสารทางการค้าเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือhttp://www.dft.go.th และรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 0 2547 4771 – 86 ต่อ 4755 โทรสาร 0 2547 4816 หรือ e-mail:[email protected]