นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่นและยุโรป เปิดเผยว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว ส่งผลให้ลูกค้าบางกลุ่มชะลอการซื้อรถยนต์ใหม่ลงเพื่อดูความชัดเจนเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ด้วยการหันมาเพิ่มความสำคัญให้กับธุรกิจศูนย์บริการ และการให้บริการหลังการขาย โดยได้ปฏิวัติมาตรฐานการให้บริการหลังการขายรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมใหม่ ต่อจากนี้จะเปิดให้บริการกับรถยนต์หรูทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และจากทุกค่าย จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะลูกค้าของบริษัทเท่านั้น
"เป็นครั้งแรกที่เราปฏิวัติการให้บริการหลังการขาย ด้วยการรับให้บริการลูกค้านอก ที่เป็นรถหรูนำเข้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ จากทุกตัวแทนจำหน่าย เนื่องจาก SECC มีศักยภาพและความพร้อมเพรียงทั้งด้านอุปกรณ์ เครื่องมือที่ทันสมัยสามารถตรวจเช็ค ซ่อมแซม และจัดหาอะไหล่ โดยช่างผู้ชำนาญงานมากว่า 18 ปี โดยลูกค้าสามารถนำรถยนต์เข้ามารับบริการได้ที่ศูนย์บริการของบริษัททุกสาขาในกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันมี 6 สาขา ได้แก่ สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 9 , สาขาบางนา, สาขารัชโยธิน, สาขาพหลโยธิน, สาขาทองหล่อ และสาขาพระราม 2 นอกจากนี้ ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (S.E.C. TECHNICAL SERVICE CENTER) จากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาในการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น และหากไม่สามารถแก้ไขได้ จะมีทีมงานพร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญไปแก้ไขปัญหาให้ที่จุดเกิดเหตุทันที"
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งนี้ นอกเหนือจากเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจการให้บริการ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้มากกว่า 140 ล้านบาทแล้ว ยังถือเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้นด้วย เพราะหากลูกค้าประทับใจในการให้บริการของบริษัท ก็อาจจะกลับมาซื้อรถที่จัดจำหน่ายโดย SECC ในอนาคตได้ เนื่องจากจะได้รับบริการที่เป็นสิทธิพิเศษแตกต่างจากลูกค้านอกด้วย ซึ่งคาดว่า การมุ่งขยายการให้บริการครั้งนี้จะทำให้รายได้จากธุรกิจบริการหลังการขายในปี 2552 เติบโตได้อย่างชัดเจน
นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SECC กล่าวว่า นอกจากการขยายการให้บริการหลังการขายแล้ว บริษัทยังได้ปรับโฉมโชว์รูม สาขาทองหล่อใหม่ ภายใต้แนวคิด European Trendy Lifestyle Showroom เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะลูกค้าที่มีหัวใจรักและชื่นชอบในรถตระกูลยุโรป อาทิ Ferrari , Aston Martin, Lamborghini และ Mini, Audi TT, Fiat 500 เนื่องจากพบว่าลูกค้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างจากลูกค้าทั่วไป ส่วนการนำเข้ารถยนต์หลังจากนี้ บริษัทจะเน้นนำเข้ารถครอบครัว และรถยนต์ขนาดเล็กที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่ใหญ่นักเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะน้ำมันแพง และคุ้มค่ากับการใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นจากการขายรถยนต์ในรุ่นปกติได้
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับรถยนต์ที่จะนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไตรมาสสุดท้ายนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ลูกค้าสามารถเข้าไปสัมผัสได้ในงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25” หรือ Motor Expo 2008 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2551 ณ Impact Challenger 1-3 เมืองทองธานี โดยในปีนี้ SECC ได้ที่บูท A08 บนพื้นที่กว่า 1,400 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในงาน และได้นำรถยนต์เข้ามาจัดแสดงมากถึง 25 รุ่นรวมแล้วกว่า 40 คัน อาทิ Vellfire, Fiat 500, Estima, Harrier, Prado, Land Cruiser VX 200, Crowm Royal Saloon, Chrysler, SLK, CLK, Lexus GS 300, Lexus LS 460 เป็นต้น ส่วนของรถ Super Car ที่จะนำมาจัดแสดงภายในงานประกอบด้วยFerrari 430, Ferrari 599, Aston Martin, Hummer, Lamborgsini Gallado LP 560-4, Benz SL, Benz GL 420
นอกจากนี้ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 คือ ลูกค้าที่จองรถภายในงาน จะได้รับแคมเปญ “โชค 2 ชั้นจาก เอส.อี.ซี.กรุ๊ป” โชคชั้นที่ 1 ลูกค้า จะได้รับการรับ ประกันรถยนต์ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร จากเดิม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ เอส.อี.ซี.กรุ๊ป ที่กล้ารับประกันรถยนต์ให้ลูกค้าสูงสุด โชคชั้นที่ 2 ลุ้นรับเลขทะเบียนสวย หรือ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือเบอร์สวย ซึ่งมีให้ลุ้นตั้งแต่เบอร์โฟร์, เบอร์ตอง และเบอร์คู่ ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าไปสัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจนี้ได้ทุกวันที่บูท A08 ของ SECC ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในงานไว้ที่ 500 ล้านบาท
ข้อมูล บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์นำเข้าในรูปแบบการขายปลีกผ่านสาขาของบริษัท 6 สาขาโดยเน้นรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นและประเทศในทวีปยุโรปเป็นหลัก เช่นToyota, Honda, Mazda, Nissan, Volk, Mercedes Benz และ Porsche เป็นต้น โดยรถยนต์ที่บริษัทจำหน่าย สามารถแยกออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ รถสปอร์ต (Sport) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Sedan & Coupe) รถยนต์อเนกประสงค์ (Multi-Purpose Vehicle:MPV) รถตรวจการณ์ (Sport Utility Vehicle: SUV) และรถยนต์ประเภทอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทมีบริการซ่อมบำรุงและซ่อมทางเทคนิคแก่ลูกค้าในทั้ง 6 สาขาของบริษัท และที่ตัวแทนจำหน่ายทั้ง 3 แห่ง
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) โทร.02-554-9394 , 085-133-0184