ขุมพลังที่เต็มเปี่ยมของพานาเมร่านี้เองที่จะทำให้เกิดบันทึกหน้าใหม่ในการออกตัวรถได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งต้องขอขอบคุณต่อระบบควบคุมการออกตัว (Launch Control) ที่อำนวยให้รถสามารถทะยานจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้ในเวลาเพียงแค่ 3.8 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งความเร็วสูงสุดยังสูงถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (191 ไมล์ต่อชั่วโมง) เลยทีเดียว และแม้ว่าพานาเมร่ารุ่นท็อปสุดคันนี้จะมีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นแต่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับรุ่นพานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ซึ่งเป็นการพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมหากแต่คงไว้ซึ่งความประหยัดตามหลักปรัชญาของปอร์เช่ “ประสิทธิภาพการทำงานอย่างอัจฉริยะของปอร์เช่” (Porsche Intelligent Performance) นั่นเอง ในรูปแบบวงจรการขับขี่แบบ NEDC นั้น แกรนด์ทัวริสโม่คันนี้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แค่เพียง 11.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และจะประหยัดได้มากขึ้นหากติดตั้งล้อแบบ 19 นิ้วพร้อมยางแบบ all-season ของมิชลินโดยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจะอยู่แค่เพียง 11.3 ลิตรต่อ 100 กม. เพียงเท่านั้น
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นพานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) มาจากสององค์ประกอบหลักๆ นั่นคือการพัฒนาปรับปรุงเทอร์โบชาร์จ (turbochargers) ด้วยการใช้ก้านแบบไทเทเนียม-อลูมิเนียมและการปรับปรุงการควบคุมเครื่องยนต์ ซึ่งการใช้นวัตกรรมโลหะผสมไททาเนียม-อลูมิเนียมนี้จะช่วยลดน้ำหนักของก้านลง รวมไปถึงล้อคอมเพรสเซอร์ (compressor wheel) และส่งผลให้ช่วงเวลาของความเฉื่อยนั้นน้อยลงและทำให้เกิดการตอบสนองของเครื่องยนต์ดีขึ้นและเพิ่มความคล่องตัวให้มากขึ้นอีกด้วย
สำหรับความเป็นรุ่นที่หรูหราและเด่นที่สุดนี้เองปอร์เช่คันนี้จึงได้รับการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษต่างๆมาอย่างครบครัน และเพื่อรักษาแนวคิดความเป็นสปอร์ตของประสิทธิภาพการทำงานของพานาเมร่า (Panamera) ในขั้นสูงระบบการควบคุมการขับขี่ที่คล่องตัวจึงติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐานเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ระบบการควบคุมตัวถัง (Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC)) กับระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบ Active roll stabilization system ทั้ง 2 ระบบนี้จะช่วยให้รถทรงตัวได้ดีเมื่อเข้าโค้ง ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) มีผลทำให้เกิดการถ่ายกำลังแรงบิดไปยังล้อหลัง ร่วมกับระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมแบบอิเล็กทรอนิคส์ที่ส่งถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ไปเพลาและลงไปยังล้อหลัง และทำให้มั่นใจได้ว่ารถจะเต็มไปด้วยการขับเคลื่อนที่คล่องตัวมากขึ้น ทรงตัวได้ดีขึ้นในทุกๆ สภาวะการขับขี่ ระบบ Servotronic จะควบคุมความเร็วของพวงมาลัย ระบบ Sport Chrono Package Turbo จะทำการปรับระบบช่วงล่างและส่งขุมพลังที่เพิ่มขึ้นและทำให้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นได้ด้วยการกดปุ่ม “Sport Plus” ซึ่งติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เสริมเพิ่มเติมด้วยระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต (Sports exhaust system) ที่จะเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้นผ่านเสียงของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย
ลักษณะความเป็นสปอร์ตของพานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) นั้นไม่ได้ปรากฎแค่เพียงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยมเพียงเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนให้เห็นได้จากรูปลักษณ์ภายนอกเช่นกัน เริ่มต้นจากล้อขนาด 20 นิ้วลาย Turbo II ที่มาพร้อมกับความกว้างของเพลาหลังที่เพิ่มขึ้น ตามมาด้วยกระจังข้างที่ได้รับการออกแบบจาก Porsche Exclusive และสปอร์ยเลอร์หลังสี่ทิศทางสีเดียวกันกับสีภายนอกที่ขยายออกมาเพื่อเพิ่มรูปลักษณ์ของความเป็นสปอร์ตที่สวยงามและโดดเด่น ภายในมีความโดดเด่นและความเป็นสปอร์ตได้ถูกหลอมรวมกันไว้อย่างลงตัวและถูกแสดงออกมาด้วยหนังแบบเบ็จเสร็จ (leather finish) 2 สีที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นั่นคือ สีดำ/ครีม ที่ได้นำเสนอออกมาสำหรับรุ่นพานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) หรือเลือกสีเทา/ครีม ได้เช่นกัน
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) สามารถเริ่มส่งมอบได้ในเดือนมิถุนายน 2011 สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการ (Service Teams) ที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-102 หรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่ www.porsche.co.th