"Mark Webber คือ บุคคลที่สามารถแสดงออกถึงนัยสำคัญของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ: ไม่ว่าจะในฐานะของนักกีฬา บุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เต็มไปด้วยพลัง และมีเป้าหมายในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสำเร็จ เขาคือคนที่สามารถสร้างแรงกระตุ้นและก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แก่ผู้คนที่ได้สัมผัส ผมต้องขอแสดงความขอบคุณสำหรับการที่ Mark ทำผลงานในการเข้าร่วมแข่งขันรายการ World Endurance Championship ของเขาได้อย่างดีเยี่ยมและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับปอร์เช่อย่างใกล้ชิดเช่นเดิม" Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Dr. Ing h.c. F. Porsche AG กล่าว
ทางด้านของ Fritz Enzinger รองประธานของ LMP1 ได้แสดงความเสียใจสำหรับการยุติบทบาทหน้าที่นักแข่งของ Mark ไว้ว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Mark เป็นส่วนสำคัญของทีมนับตั้งแต่เริ่มต้น เขาทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยประสบการณ์ทั้งหมดที่มีและพร้อมยืนหยัดเคียงข้างไปกับเราเสมอ ในบทบาทของนักแข่งเขาคือนักสู้ที่ไม่เคยเล่นนอกกติกา ไม่เคยแม้แต่น้อยที่จะหวาดหวั่นถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสักเพียงใด และในขณะเดียวกัน เขาคือผู้ที่คำนึงถึงกลยุทธ์และประโยชน์ส่วนรวมของทีมเป็นหลัก ส่วนผสมทั้งหมดนั้นหล่อหลอมให้เขากลายเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าไม่เพียงในฐานะของนักขับรถแข่งเท่านั้น การคว้าตำแหน่งแชมป์โลกประเภทนักแข่งร่วมกับ Timo Bernhard และ Bren-don Hartley เมื่อฤดูกาล2015 ที่ผ่านมานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากผลของความทุ่มเทของเขาและทีมงานอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้แม้แต่น้อย นอกเหนือจากนั้นต้องขอขอบคุณการทำงานที่มีประสิทธิภาพของเขา เราหวังว่าจะสามารถตำแหน่งผู้ชนะทั้งในประเภทโรงงานผู้ผลิตและประเภทนักแข่งได้อีกครั้งในฤดูกาล 2016"
อันดับบนตารางคะแนนสะสมในปัจจุบันของทีมปอร์เช่ อยู่ในตำแหน่งผู้นำทั้ง 2 ประเภท สำหรับแชมป์ประเภทโรงงานผู้ผลิต ปอร์เช่มีคะแนนสะสมรวม 238 คะแนน นำหน้าคู่แข่งทั้งทีม Audi (185 คะแนน) และ ทีม Toyota (137 คะแนน) ในส่วนของผู้นำประเภทนักแข่ง Romain Dumas Neel Jani และ Marc Lieb สามารถทำคะแนนสะสมได้ถึง 37.5 คะแนน นำหน้านักแข่งของทีม Audi เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ยังเหลือการแข่งขันในฤดูกาลปัจจุบันอีก 3 สนามให้ได้ลุ้นกันต่อ
"ผมได้มาอยู่ในที่ๆ เป็นของผมอย่างแท้จริง" Mark Webber กล่าวต่อไปอีกว่า "ปอร์เช่คือแบรนด์รถยนต์ที่ผมรักที่สุดตลอดมาและเป็นสิ่งหนึ่งที่เข้ากันได้กับตัวผมอย่างที่สุดเช่นกัน รถสปอร์ต 911 นั้นเป็น เอกลักษณ์ของปอร์เช่ มันเป็นยนตกรรมที่เต็มไปด้วยความโดดเด่น สง่างาม เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอย่างที่ไม่จำเป็นต้องบรรยายออกมาแต่อย่างใด รถสปอร์ตคันนี้ไม่เคยผิดพลาด มันจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอใน ทุกสถานการณ์" นอกจากนี้เขายังได้เสริมอีกว่า: "ผมคงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสัมผัสแห่งความเร็ว แรงกดต่างๆ และบรรยากาศในการแข่งขันที่เคยได้รับ แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นความต้องการของผมที่ต้องเติบโตขึ้นไปอีกระดับและผมเฝ้ารอคอยบทบาทหน้าที่ใหม่ที่กำลังจะมาถึงอย่างใจจดจ่อ"
แท้จริงแล้ว Mark Webber ยังไม่มีความจำเป็นต้องจบอาชีพนักแข่งรถของเขาลงในตอนนี้ เวลาต่อรอบในการลงสนามแข่งขันที่เขาทำได้ยังคงอยู่ในระดับหัวแถวของตาราง เขายังคงมีความพร้อมทางด้าน ร่างกาย ด้วยประสบการณ์ระดับสูงที่ไม่สามารถประเมินค่ารวมทั้งความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับเพื่อนร่วมทีมของเขาสั่งสมให้กลายเป็นมิตรภาพที่แนบแน่นในที่สุด Webber คือบุคคลที่ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ตนเองต้องการหลังผ่านความสำเร็จในระดับสุดยอดอย่างการแข่งขันรถสูตร 1 (For-mula One) "มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับการเริ่มต้นกับ LMP1 ภายหลังการยุติบทบาทใน Formula One และนั่นหมายถึงประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต แต่มันกลับเป็นสิ่งที่มาได้ถูกจังหวะสำหรับตัวผม ผมพบว่าตัวเองรู้สึกชอบที่ได้ร่วมกันขับรถแข่งคันเดียวกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งสามารถเข้ากับผมได้เป็นอย่างดี ทั้ง Timo และ Brendon ซึ่งมันจะเป็นเหตุการณ์สุดพิเศษที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป ผมคงจะรู้สึกแปลกในการประจำที่หลังพวงมาลัยรถแข่งครั้งสุดท้ายของผมที่กำลังจะเกิดขึ้นที่บาเรนท์ แต่ผมจะซึมซับเอาทุกความสุขและทุกความรู้สึกที่ได้รับจากการลงสนามครั้งสุดท้ายนี้เอาไว้อย่างเต็มที่"
ประวัติความเป็นมาของ Mark Webber
นับตั้งแต่ปี 1991 เป็นต้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของชายชื่อ Mark Webber ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อการแข่งขันความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรถคาร์ท การแข่งขันรถสูตร Formula Ford, Formula 3, Formula 3000 สุดยอดกีฬาประลองความเร็วอย่าง Formula One Grands Prix ที่เขาเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 215 สนาม ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 9 สนาม และจบการแข่งขันด้วยตำแหน่งบนโพเดี้ยม ได้ถึง 42 สนาม เหล่านี้คือเกียรติประวัติอันยอดเยี่ยมของเขาในวงการมอเตอร์สปอร์ต ในปี 2013 เขาได้พบกับบ้านหลังใหม่ที่ปอร์เช่ ซึ่งได้ร่วมกันสร้างความสำเร็จในฐานะจากแชมเปี้ยนของการแข่งขันรถยนต์ ทางเรียบรายการ FIA World Endurance ฤดูกาล 2015 นับเป็นการชิงชัยที่ได้มาด้วยการต่อสู้กับคู่แข่งอย่างยากลำบาก โดยที่เขาเป็นหนึ่งในนักแข่งของทีมผู้รับหน้าที่กุมบังเหียนรถแข่งต้นแบบ 919 Hybrid Le Mans Proto-type ร่วมกับนักแข่งอีกสองคนในทีมคือ Timo Bernhard และ Brendon Hartley สำหรับฤดูกาล 2016 ที่กำลังดำเนินการแข่งขันอยู่นั้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เต็มไปด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของนักแข่งชาวออสเตรเลียผู้มีชื่อเสียงนี้ช่วงต้นของฤดูร้อนที่ผ่านมาเขาตัดสินใจแต่งงานกับ Ann หญิงคนรักที่คบหากันมายาวนาน เขามีอายุครบ 40 ปี ใน วันที่ 27 สิงหาคม และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขัน 2016 นี้ เขาจะยุติบทบาทหน้าที่ของตนเองในฐานะของนักแข่งมืออาชีพ เพื่อก้าวไปบนความรับผิดชอบใหม่อันได้แก่การเป็นตัวแทนชของแบรนด์ Porsche's special representative รวมทั้งที่ปรึกษาให้แก่ทีมงานปอร์เช่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์สปอร์ต
Webber เป็นนักแข่งที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตรงไปตรงมากับความต้องการของตัวเอง ในหนังสือชีวประวัติของเขาที่มีชื่อว่า Aussie Grit: My Formula One Journey ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่เมื่อปี 2015 ได้แสดงให้เห็นถึงการทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของเขาในฐานะนักแข่งรถมืออาชีพ เขาเดินทางออกจากบ้านเกิดที่ Queanbeyan ใน New South Wales ออสเตรเลีย ด้วยอายุเพียง 19 ปี เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างยิ่งในการเริ่มต้นอาชีพนักแข่งรถในประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาได้กลายเป็นหนึ่งในหลายคนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ แต่ด้วยความสามารถระดับอัจฉริยะโดยธรรมชาติ เขากลับคว้าชัยชนะได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน Formula Ford Festival ที่ Brands Hatch Webber เข้าร่วมการแข่งขัน Formula 3 และ Formula 3000 ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าร่วม sport car programme ที่ Mercedes และรายการแข่งขันที่มีความสำคัญต่ออาชีพของเขานั่นคือ Le Mans 24 ชั่วโมงประจำฤดูกาล 1999 ทีมงานและรถแข่งของเขาได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก แต่ด้วยข้อบกพร่องทางด้านอากาศ พลศาสตร์ของตัวรถ ทำให้รถแข่งของ Webber ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำในขณะที่อยู่ในช่วงการแข่งขันรอบจัดอันดับรวมทั้งเกิดอุบัติเหตุขณะวิ่งในรอบทดสอบอีกครั้ง เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวได้ถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้ความก้าวหน้าของอาชีพสะดุดลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างไรก็ตามผลจากความสำเร็จอย่างงดงามในการทำหน้าที่นักขับทดสอบ รถแข่ง Formula One ให้แก่ทีม Benetton ทำให้เขาสามรถหวนกลับมาบนเส้นทางเดิมในฐานะนักขับทดสอบ และยกระดับเป็นนักแข่งรถสูตร 1 ตัวจริงได้ในปี 2001
การเริ่มต้นชีวิตนักแข่งรถ Formula One ของ Webber นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ควรค่าแก่การจดจำ: เขาสามารถจบการแข่งขันในบ้านเกิดของเขาที่ Melbourne ด้วยอันดับที่ 5 ในฤดูกาล 2002 กับ ทีม Minardi จนกระทั่งฤดูกาล 2005 เขาก็ได้โอกาสฉลองโพเดี้ยมแรกของเขาจากการสังกัดทีม BMW WilliamsF1 และประสบความสำเร็จด้วยชัยชนะอันดับ 1 ในรายการ F1 ครั้งแรกที่เยอรมันกรังปรีซ์ในฤดูกาล 2009 ภายใต้ร่มเงาของทีม Red Bull Racing โดยเป็นการลงสนามครั้งที่ 131 ชัยชนะที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือแชมป์รายการโมนาโคกรังปรีซ์ ในฤดูกาล 2010 และ 2012
ด้วยอายุและประสบการณ์ที่ผ่านการสั่งสมมานานกว่า 15 ปี และแล้ววันที่ Webber ต้องกลับมาเยือนสนาม Le Sarthe ก็เกิดขึ้นในฤดูกาล 2014 สนามแข่งที่ซึ่งเขาเคยประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงเมื่อปี 1999 ดูเหมือนจะอยู่ในความทรงจำที่ เลือนราง มีเพียงชัยชนะเท่านั้นที่จะลบล้างจุดด่างพร้อยในอดีตที่ยังคงตามหลอกหลอนมาจนทุกวันนี้และผลักดันเขาให้ก้าวไปข้างหน้า: แต่แล้วความพยายามในปี 2014 ของเขากลับไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่หวัง เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นของระบบส่งกำลังหลังจากการทำการสลับตำแหน่งลงแข่งขันได้เพียง 2 ชั่วโมง ความฝันเป็นอันต้องพังทลายลงอีกครั้ง ต่อมาในฤดูกาล 2015
ข้างต้นคือเรื่องราวของเขาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปอร์เช่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด ในวัยหนุ่มเขาเคยขับรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 ที่ยืมมาจากเพื่อน สำหรับรถปอร์เช่คันแรกที่เขาซื้อมันมาด้วยตนเองเขาตัดสินใจเลือกรุ่นเทอร์โบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จวบจนทุกวันนี้รถยนต์ที่เป็นของสะสมของเขา ประกอบด้วย ปอร์เช่ 918 Spyder, 911 R, GT3 RS (911), 911 GT2 RS (997), 911 GT3 RS 4.0, 356 Cabriolet รุ่นปี 1954 และ 2.7 Carrera รุ่นปี 1974
ประวัติโดยย่อ วัน เดือน ปี เกิด : 27 สิงหาคม 1976 สถานที่เกิด : Queanbeyan (ประเทศออสเตรเลีย) สัญชาติ : ออสเตรเลียน ที่พักอาศัยในปัจจุบัน : Buckinghamshire (สหราชอาณาจักร)
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 1.83 เมตร/76 กิโลกรัม สถานะภาพ : สมรสกับ Ann งานอดิเรก : กีฬา, จักรยานเสือภูเขา, เฮลิคอปเตอร์ Website : Twitter : @AussieGrit
เกียรติประวัติที่ได้รับจากการแข่งขัน 2016
นักแข่งของทีมปอร์เช่ในรายการ WEC, LMP1
อันดับหนึ่งที่สนาม Nürburgring, Mexico City และ Austin
2015
นักแข่งของทีมปอร์เช่ในรายการ WEC, LMP1
ชนะเลิศอันดับหนึ่ง World Champion ประเภทนักขับร่วมกับ Bernhard/Hartley,
อันดับหนึ่ง 4 สนาม (Nürburgring, Austin, Fuji, Shanghai),
ออกสตาร์ทในอันดับหนึ่ง 3 สนาม, อันดับ 2 ที่สนาม Le Mans
2014
นักแข่งของทีมปอร์เช่ในรายการ WEC, LMP1
อันดับ 3 ที่สนาม Silverstone, Fuji และ Bahrain
ออกสตาร์ทในอันดับหนึ่งที่สนาม São Paulo
2013
อันดับ 3 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Infiniti Red Bull Racing)
2012
อันดับ 6 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
อันดับ 1 ที่สนาม Monaco, Silverstone
2011
อันดับ 3 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
อันดับ 1 ที่สนาม São Paulo
2010
อันดับ 3 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
อันดับ 1 ที่สนาม Barcelona, Monaco, Silverstone, Budapest
2009
อันดับ 4 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
อันดับ 1 ที่สนาม Nürburgring, São Paulo
2008
อันดับ 11 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
2007
อันดับ 12 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Red Bull Racing)
2006
อันดับ 14 Formula One World Championship
(สังกัดทีม WilliamsF1 Team)
2005
อันดับ 10 Formula One World Championship
(สังกัดทีม BMW WilliamsF1 Team)
2004
อันดับ 13 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Jaguar Racing)
2003
อันดับ 10 Formula One World Championship
(สังกัดทีม Jaguar Racing)
2002
อันดับ 16 Formula One World Championship
(สังกัดทีม KL Minardi Asiatech)
2001
อันดับ 2 Formula 3000 Championship (ชนะเลิศ 3 สนาม)
นักขับทดสอบรถแข่ง Formula One (สังกัดทีม Benetton Renault)
2000
อันดับ 3 Formula 3000 Championship
(สังกัดทีม EFR/Arrows, ชนะเลิศ 1 สนาม)
นักขับทดสอบรถแข่ง Formula One (สังกัดทีม Arrows)
1999
FIA GT Championship
(สังกัดทีม AMG Mercedes, ออกจากทีมหลังจบการแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง)
1998
อันดับ 2 FIA GT Championship
(สังกัดทีม AMG Mercedes, ชนะเลิศ 5 สนาม)
1997
อันดับ 4 British Formula 3 Championship (ชนะเลิศ 1 สนาม)
1996
อันดับ 2 British Formula Ford Championship (ชนะเลิศ 4 สนาม)
ชนะเลิศ Formula Ford Festival Brands Hatch
1995
อันดับ 4 Australian Formula Ford Championship
อันดับ 3 Formula Ford Festival Brands Hatch
1994
เปิดตัวครั้งแรกในรายการ Australian Formula Ford Championship
1991-1993
แข่งขันรถคาร์ท
หมายเหตุ : สามารถเข้าชมภาพถ่ายและ VDO ของ Mark Webber และโปรแกรมการแข่งขัน LMP1 ได้ที่ ฐานข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน https://presse.porsche.de. และสามารถเชื่อมต่อโดยตรงไปยัง Motorsport Media Guide ได้ที่ https://presse.porsche.de/motorsport LMP1 Twitter channel @Porsche นำเสนอข่าวสารล่าสุด ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ จากขอบสนามทั่วทุกมุมโลก รับชมรายการถ่ายทอดสดอื่นๆ ได้ที่ www.porsche.com/fiawec สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับผู้สื่อข่าว บล้อกเกอร์ และรับชมวีดีโอข่าวสารล่าสุดได้ที่ www.newsroom.porsche.com ดาวน์โหลด VDO ข่าวสารล่าสุด ได้ที่www.vimeo.com/porschenewsroom
ปอร์เช่ 911 R: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.5 กิโลเมตรต่อลิตร (13.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร); ค่าการปล่อยไอเสีย CO2-emissions 308 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ 911 GT3 RS: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร (12.7 ลิตร / 100 กิโลเมตร); ค่าการปล่อยไอเสีย CO2-emissions 296 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ 918 Spyder: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 32.3 – 33.3 กิโลเมตรต่อลิตร (3.1-3.0 ลิตร / 100 กิโลเมตร); ค่าการปล่อยไอเสีย CO2-emissions 72-70 กรัมต่อกิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 12.7 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร
ปอร์เช่อนุกรม 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8 – 12.1 กิโลเมตรต่อลิตร (12.7-8.2 ลิตร / 100 กิโลเมตร); ค่าการปล่อยไอเสีย CO2-emissions 296–191 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่านด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ" "AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิตโทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการโทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911