พลังของการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อโลกและพฤติกรรม

พฤหัส ๐๓ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๖:๔๐
- รายงาน Looking Further with Ford Trends ประจำปีที่ 7 เปิดเผยว่าเทรนด์นั้นมีอิทธิพลกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันหลักๆ ของเรา

- ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นตลอดเวลานั้น ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในหลายๆ ด้าน

- ฟอร์ดจับตามองเทรนด์ของโลกเพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค และเรียนรู้เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น

ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนเองได้กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในตอนนี้ หากต้องเลือก คุณจะเลือกให้ลูกนั่งรถที่ขับเคลื่อนเองหรือนั่งรถที่ขับโดยคนแปลกหน้า น่าแปลกใจที่ร้อยละ 67 ของผู้ใหญ่เลือกรถที่ขับเคลื่อนได้เอง

ข้อมูลนี้นำมาจากรายงานเทรนด์ปี 2019 ของฟอร์ด ซึ่งเปิดเผยออกมาล่าสุด เจาะลึกเกี่ยวกับแรงขับเคลื่อนที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภค กับภาพรวมของเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเวลาที่มีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ ผลสำรวจของฟอร์ดจาก 14 ประเทศเผยว่า ผู้ใหญ่ร้อยละ 87 เชื่อว่าเทคโนโลยีคือแรงขับเคลื่อนที่มีอิทธิพลมากที่สุด และขณะที่จำนวนร้อยละ 79 คิดว่าเทคโนโลยีส่งผลในแง่ดี ประชากรจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกกังวล บ้างก็หวาดระแวงเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) บ้างก็กลัวว่าเทคโนโลยีจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของมนุษย์เรา

"การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมนี้อาจจะเปลี่ยนความรู้สึกของเราจากความสิ้นหวังไปเป็นแรงกระตุ้น และทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ ความหวัง และความก้าวหน้า ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและส่วนรวม" เชอริล คอนเนลลี ผู้จัดการฝ่ายเทรนด์และอนาคตผู้บริโภค ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว "ฟอร์ดให้ความสำคัญในการออกแบบโดยยึดความต้องการของผู้บริโภค และมุ่งมั่นที่จะหาวิธีต่างๆ ในด้านการสัญจร เพื่อพัฒนาชีวิตของผู้คนและชุมชน ในบริบทของการเปลี่ยนแปลงนั้น เราต้องรักษาสิ่งที่เรามองว่ามีคุณค่าที่สุด ซึ่งก็คือความเชื่อใจซึ่งเราและลูกค้ามีระหว่างกัน เราจึงมีความตั้งใจและระมัดระวังในเรื่องของทิศทางที่เราจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ"

สรุปใจความหลักของผลการสำรวจจากรายงานเทรนด์ประจำปีที่ 7 ของฟอร์ดได้ดังต่อไปนี้

- ประชากรเกือบครึ่งโลกเชื่อว่า ความกลัวจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และ 7 ใน 10 ของประชากรกลุ่มนั้น กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นแรงกระตุ้นสำหรับพวกเขา

- ประชากรร้อยละ 87 เห็นว่าเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ และ 8 ใน 10 ของประชากรเชื่อว่าเทคโนโลยีคือเป็นแรงผลักดันที่ดี

- ประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกร้อยละ 45 กล่าวว่า พวกเขาอิจฉาคนที่สามารถตัดตัวเองออกจากสังคมก้มหน้าได้

- ผู้บริโภค 7 ใน 10 เห็นด้วยว่าคนเราควรจะมีช่วงเวลาบังคับให้ตัวเองออกห่างจากอุปกรณ์สื่อสาร

รายงานเทรนด์ของฟอร์ดเป็นเสมือนพิมพ์เขียวที่ทำให้เข้าใจว่า รูปแบบพฤติกรรมหลักๆ ของผู้บริโภคทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อผู้บริโภคเอง รวมถึงองค์กรต่างๆ ทั้งในปี 2019 นี้ และในอนาคตด้วย

เทรนด์ในปี 2019 มีดังต่อไปนี้

1. เทคโนโลยีล้ำโลก เทคโนโลยีมีผลกระทบเชิงลึกต่อการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกและการมองโลกมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีความขัดแย้งระหว่างคนที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและเชื่อว่าเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีกับคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ฟอร์ดใช้เทคโนโลยีช่วยให้การสัญจรของคนทั่วโลกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้นและใช้งานได้สะดวกขึ้น ฟอร์ดใส่ใจในการใช้เทคโนโลยีรวมไปถึงการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างฉลาด รอบคอบ เพื่อสร้างคุณค่าในชีวิตประจำวัน ในบางเมือง ฟอร์ดได้ร่วมมือกับคณะบริหารจัดการปัญหาในเมืองเพื่อช่วยให้ผู้คนสัญจรได้อย่างอิสระขึ้น

2. ดิจิตอล ดีท็อกซ์ ถึงแม้มนุษย์จะติดสังคมก้มหน้า ผลการสำรวจพบว่าผู้คนตื่นตัวกันมากขึ้นในเรื่องการพึ่งอุปกรณ์ต่างๆ มากเกินไป และพยายามควบคุมเวลาที่ตัวเองใช้ไปกับสังคมออนไลน์ ฟอร์ดศึกษาผลกระทบทางสมองจากการขับรถแข่งสมรรถนะสูง โดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับ "ช่วงเวลาระทึก" ที่อาจกระทบต่อสวัสดิภาพของผู้ขับขี่ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การขับขี่พร้อมสร้างความตระหนักเรื่องการขับขี่ที่ปลอดภัย

3.ทวงคืนการควบคุม ในโลกที่ใครหลายๆ คนรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ผู้บริโภคต่างหาหนทางในการใช้ชีวิตโดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตนเอง เนื่องจากฟอร์ดได้ยึดถือกระบวนการออกแบบโดยยึดความต้องการของมนุษย์เป็นที่ตั้ง ฟอร์ดจึงได้ทำการวิจัยเพื่อศึกษาความต้องการและลักษณะนิสัยของผู้บริโภค ตั้งแต่อาจารย์มหาวิทยาลัย นักไตรกีฬา ไปจนถึงบุคคลทั่วไป ฟอร์ดได้นำผลการวิจัยครั้งนี้ไปพัฒนาเครื่องมือและยานพาหนะ อาทิ ฟอร์ด โคไพล็อต 360TM ซึ่งออกแบบมาเพื่อแบ่งเบาภาระในการขับขี่และเสริมความมั่นใจว่าพาหนะของตนจะพร้อมรับสถานการณ์ตึงเครียดบนท้องถนนได้

4. ตัวตนที่หลากหลาย ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทมากในชีวิตของผู้บริโภค หลายคนจึงแสดงออกด้วยตัวตนที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เช่น การเป็นตัวเองในชีวิตจริงแต่เป็นอีกตัวตนหนึ่งในสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อสิ่งที่พวกเขาซื้อ สวมใส่ และขับขี่ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่พวกเขาใช้ ฟอร์ดเข้าใจดีว่ารถยนต์เป็นวัตถุที่สะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ ด้วยเหตุนี้รถยนต์จึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการส่วนตัวไปพร้อมกับนำเสนอตัวตนของผู้ขับขี่ เช่น ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เป็นรถกระบะขนาดกลาง ลงตัวทุกการใช้งาน ผู้บริโภคสามารถสัญจรไปทำงานในเมืองได้และมีความสมบุกสมบันพอที่จะไปท่องเที่ยวเชิงผจญภัยได้ในวันหยุด

5. ชีวิตและการทำงาน มุมมองที่มีต่อชีวิตการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อคนทุกวันนี้ทำงานเพื่ออยู่ แทนที่จะอยู่เพื่อทำงาน บริษัทต่างๆ ก็ตอบแทนด้วยสิทธิประโยชน์ วันหยุดพักร้อนรวมไปถึงโอกาสให้ลูกจ้างได้พัฒนาสภาพจิตใจ ฟอร์ดเชื่อว่าความสามารถของคนจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุนให้ออกไปเผชิญโลกภายนอกและคืนกำไรสู่สังคมที่อยู่ โครงการหนึ่งของฟอร์ดได้ส่งพนักงานอายุต่ำกว่า 30 ปี ออกไปเรียนรู้เกี่ยวกับองค์กรเพื่อสังคมและวางกลยุทธ์ในการเข้าถึงผู้บริจาคและอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือพวกเขาในการพัฒนาสังคม

6. เพื่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนนิสัยที่มีมานานอาจเป็นเรื่องยาก แต่ผู้บริโภคเห็นตรงกันว่ากระบวนการทางสิ่งแวดล้อมจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคน และหลายคนก็เสาะหาหนทางพัฒนาสานต่อสิ่งที่ตนเองได้สร้างไว้ การพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นสำคัญต่อสภาพสิ่งแวดล้อมและความสำเร็จของฟอร์ดเอง ฟอร์ดยังคงเน้นการลดสารพิษที่ปล่อยจากยานพาหนะ ด้วยการร่วมลดการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ ตามข้อตกลงปารีส โดยได้เริ่มนำร่องการลงทุนประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 16 รุ่น ในจำนวนทั้งหมด 40 รุ่นทั่วโลกที่จะแล้วเสร็จในปี 2022

7. ขับง่ายสบายใจ การสัญจรบนท้องถนนไม่ได้มีแค่จุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เราทำระหว่างทางด้วย ชาวอเมริกันใช้เวลาบนรถมากกว่าเวลาพักร้อน นั่นหมายความว่าสิ่งที่ทำบนรถจะช่วยเปลี่ยนประสบการณ์บนท้องถนนเดิมๆ ฟอร์ดเชื่อว่ารถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองจะลดความเหนื่อยล้าในสังคม พร้อมกับขยายหนทางการสัญจรรวมถึงการส่งของ ฟอร์ดร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ เพื่อศึกษาว่า การส่งของด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองนั้นสามารถพัฒนาอย่างไรได้บ้าง ตัวอย่างเช่น โครงการนำร่องที่ฟอร์ดทำร่วมกับวอลมาร์ทและโพสเมทส์ ที่ศึกษาว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองจะช่วยส่งเสริมการขนส่งถึงบ้านได้อย่างไร

ต้องการข้อมูลฉบับเต็ม ติดตามได้ที่ www.fordtrends.com

ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของบริษัท ได้แก่ การออกแบบ ผลิต ทำการตลาด และบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ รถกระบะ รถเอสยูวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในแบรนด์ฟอร์ด และแบรนด์ลินคอล์น ซึ่งเป็นแบรนด์ในตลาดรถหรู รวมถึงให้บริการด้านการเงินผ่านบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และแผนการสัญจรอัจฉริยะ ฟอร์ดมีพนักงานรวมประมาณ 201,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอร์ด ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด และฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่www.corporate.ford.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๙ มี.ค. แคสเปอร์สกี้เผย บริษัทมากกว่าครึ่งในเอเชียแปซิฟิกใช้ AI และ IoT ในกระบวนการทางธุรกิจ
๒๙ มี.ค. พร้อมจัดงาน สถาปนิก'67 ภายใต้ธีม Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์
๒๙ มี.ค. โรงแรมชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นฉลองเทศกาลสงกรานต์
๒๙ มี.ค. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยชาวสระแก้ว มอบศาลาที่พักผู้โดยสาร เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อเป็นที่หลบแดดหลบฝน ณ
๒๙ มี.ค. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร พร้อมมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 3 ท่าน
๒๙ มี.ค. แน็ก ชาลี - มุก วรนิษฐ์ ชวนเปิดประสบการณ์ความเฟรช ในงาน Space of Freshtival 30 มีนาคมนี้ ที่ สยามสแควร์วัน
๒๙ มี.ค. อิมแพ็ค จัดงาน Happy Hours: Wine Tasting Craft Beer ต้อนรับลูกค้าช่วงมอเตอร์โชว์
๒๙ มี.ค. สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแพร่ มอบเครื่องมือพื้นฐานชุดการฝึก (ชุดเครื่องมือทำมาหากิน) รุ่นที่ 4/2567
๒๙ มี.ค. ดีพร้อม ดึงผู้ประกอบการเงินทุนฯ ทั่วประเทศ เปิดพื้นที่ทดสอบตลาด จัดงาน พร้อมเปย์ ที่ DIPROM FAIR
๒๙ มี.ค. เขตราชเทวีจัดเทศกิจกวดขันผลักดันผู้ค้าตั้งวางแผงค้ารุกล้ำบนทางเท้าถนนราชปรารภ