Big Data ช่วยลดการใช้น้ำมันในรถยนต์ส่วนบุคคล

พฤหัส ๐๘ ตุลาคม ๒๐๒๐ ๑๓:๓๔
Big Data ช่วยลดการใช้น้ำมันในรถยนต์ส่วนบุคคล

การคมนาคมขนส่ง คือ ภาคที่มีการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายสูงที่สุดในประเทศ ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางและการขนส่งสินค้าเป็นกิจกรรมหลักในการใช้พลังงาน ดังนั้นนโยบายที่ส่งเสริมการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพของยานพาหนะ จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของประเทศ

แนวโน้มการใช้รถยนต์ของประเทศไทยยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยแต่ละปีจะมีรถใหม่เพิ่มขึ้นบนท้องถนนประมาณ 3 ล้านคัน ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าผู้ขับขี่นิยมเลือกใช้รถที่มีขนาดใหญ่และกินน้ำมันมากขึ้น เช่น รถ SUV รถกระบะ และรถตู้ขนาดเล็ก ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันของภาคขนส่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นยุทธศาสตร์ด้านพลังงานสำหรับภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็น

นอกจากนี้ การเผาผลาญเชื้อเพลิงของรถยนต์ ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าแหล่งกำเนิดสารมลพิษทางอากาศมากกว่าร้อยละ 50 เกิดจากการปล่อยควันจากท่อเสียของรถยนต์ที่ขาดการบำรุงรักษา หรือมีอายุการใช้งานสูง

คุณชัยยุทธ สารพา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ?กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน มีเป้าหมายที่จะลดความเข้มข้นการใช้พลังงาน (Energy Intensity: EI) ลงร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ.2579 ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน (พ.ศ.2558-2579) โดยได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานในภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา รัฐบาลได้เปลี่ยนรูปแบบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีการนำ Eco Sticker มาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ทราบว่า รถยนต์กินน้ำมันกี่ลิตร ต่อการวิ่งในระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้รถยนต์สามารถนำมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้?

Eco Sticker จะแสดงข้อมูลประสิทธิภาพการใช้น้ำมันที่สามารถช่วยผู้ใช้รถยนต์ตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ โดยการเลือกซื้อรถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน อาจช่วยผู้ขับขี่รถยนต์ประหยัดค่าน้ำมันได้สูงสุดถึง 60,000 บาท ถ้าผู้ใช้รถยนต์เลือกซื้อรถรุ่นที่ประหยัดน้ำมันที่สุดที่มีอยู่ในท้องตลาดแทนรถใหญ่ที่กินน้ำมันมากที่สุด

คุณคาโรลิน คาโพเน่ ผู้อำนวยการโครงการภาคการคมนาคมประจำประเทศไทย องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) กล่าวว่า ?ข้อจำกัดของ Eco Sticker คือ ค่าการใช้น้ำมันของรถรุ่นต่างๆ ที่รายงานไว้นั้นได้จากการทดสอบในห้องทดลอง ซึ่งมาตรฐานการทดสอบประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงในห้องทดลอง ไม่สะท้อนสภาวะการขับขี่จริงในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การทดสอบในห้องทดลองมีการกำหนดค่าความเร็วที่ไม่ได้ตรงกับสภาวะการเดินทางจริงของการขับรถในเมืองในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถสะท้อนอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจากการขับรถยนต์ในช่วงที่มีการจราจรติดขัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันของการขับรถยนต์ในเมือง"

?นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันของรถยนต์ที่ไม่สามารถทดสอบในห้องทดลองได้ เช่น พฤติกรรมการขับรถของผู้ขับขี่บนท้องถนน การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ และการใช้งานเครื่องปรับอากาศขณะขับรถ? คุณคาโรลิน กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้งานวิจัยจาก International Council of Clean Transport (ICCT) ได้ศึกษาความแตกต่างระหว่างอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจากสภาวะการขับขี่จริงกับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่มาจากการทดสอบ พบว่าตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองค่ามีความแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ และจากการเก็บข้อมูลในปีพ.ศ. 2562 แสดงให้เห็นว่าค่าการใช้น้ำมันที่ได้จากสภาวะการขับขี่จริงและค่าที่ได้จากห้องทดลองนั้นมีความแตกต่างกันมากถึงร้อยละ 50 โดยประมาณ (จากข้อมูลของการใช้น้ำมันของรถยนต์ในทวีปยุโรปในปีพ.ศ. 2543 ทั้งสองค่านี้มีความแตกต่างกันเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น) นอกจากนี้ ค่าการปล่อยสารมลพิษ เช่น ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NOx) หรือ ก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงขณะขับขี่จริงก็จะมีค่ามากกว่าที่ระบุไว้จากการทดสอบในห้องทดลองอีกด้วย สำหรับผู้ใช้รถยนต์ความแตกต่างของทั้งสองค่านี้หมายถึงค่าใช้จ่ายการเติมน้ำมันที่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และสำหรับภาครัฐ จะหมายถึง ความท้าทายในการกำหนดนโยบายให้ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น มาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่ ตัวช่วยในการเก็บข้อมูลเพื่อการประหยัดน้ำมัน

องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ Moverity ขึ้นมา เพื่อช่วยให้ผู้ขับรถยนต์ประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมัน โดยคำนึงถึงปัญหาความแตกต่างของค่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากห้องทดลองกับการขับขี่จริงบนท้องถนน โดย Moverity มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน 2 เรื่อง คือ การให้ข้อมูลประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของรถรุ่นต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจเมื่อซื้อรถยนต์ใหม่ และการให้เทคนิคการขับขี่เพื่อประหยัดพลังงาน (eco-driving) ผ่านทางแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ Moverity ยังสามารถแสดงผลการใช้น้ำมันที่เปลี่ยนแปลงเมื่อผู้ใช้งานปรับพฤติกรรมการขับขี่ตามเทคนิคการขับขี่เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น การเปลี่ยนยาง หรือการเปลี่ยนประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง โดยข้อมูลจากการศึกษาเรื่อง The Transport, Health and Environment Pan European Programme (THE PEP) ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ แห่งสหประชาชาติในยุโรป และองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป พบว่าการขับขี่เพื่อประหยัดพลังงานอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้สูงสุดร้อยละ 20

Moverity จึงเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลการใช้น้ำมันจากผู้ขับรถและสร้างเป็นฐานข้อมูลออนไลน์ (consumer-based crown sourcing) ทำให้ฐานข้อมูลสะท้อนค่าประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่จริงบนท้องถนนซึ่งแตกต่างจากค่าที่ได้จากห้องทดลอง Moverity ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ IOS และ Android รวมถึง Facebook Messenger โดยผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนและเลือกรุ่นรถยนต์เพื่อเริ่มต้น ใช้งานในระบบได้ และกรอกข้อมูลทุกครั้งหลังจากการเติมน้ำมัน โดยแนะนำให้ผู้ใช้งานเก็บใบเสร็จและจดเลขหน้าไมล์รถยนต์หลังจากเติมน้ำมันทุกครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีในการบันทึกแต่ละรอบ หลังจากนั้นระบบจะคำนวณค่าประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของผู้ใช้งาน ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กำลังดำเนินการรับมอบ Moverity เพื่อนำไปเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ Moverity และทำให้แพลตฟอร์มมีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น

คุณชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ?รายงานข้อมูลที่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์ เช่น ข้อมูลการใช้น้ำมันของ Moverity เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐที่จะนำมาใช้วิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพการใช้น้ำมันที่มาจากสภาวะการขับขี่จริง และยังสามารถใช้ในการติดตามผลการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยให้แผนงานการอนุรักษ์พลังงานเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้?

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Moverity ดูได้ที่
- เว็บไซต์ Mymoverity.com
- เพจเฟซบุ๊ก moverity
- Line official ?@Moverity?

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?