นายอดิเรกกล่าวอีกว่า ธุรกิจไข่ไก่เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เพียง 4% ของรายได้รวมทั้งหมดของซีพีเอฟ โดย 3% เป็นการดำเนินโครงการเพื่อสังคมใน 2 ส่วน ได้แก่ การทำฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรายย่อยเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย จำนวนกว่า 3,000 ครอบครัวให้สามารถดำรงชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การดูแลเอาใจใส่และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอย่างมีมาตรฐานของซีพีเอฟ และอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารสามารถสร้างผลผลิตไข่ไก่ด้วยตนเอง และมีไข่ไก่รับประทานเป็นอาหารกลางวัน ช่วยลดปัญหาทุพโภขนาการของเด็กไทยได้แล้วกว่า 80,000 คน กว่า 320 โรงเรียน ตลอดจนทำให้เด็กไทยมีวิชาชีพเกษตรติดตัวใช้เลี้ยงชีพได้ในอนาคต ที่เหลือเป็นไข่ไก่ที่ขายภายใต้แพ็คแบรนด์ซีพี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์ถึงความปลอดภัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท และ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
สำหรับสถานการณ์ราคาไข่ไก่ในขณะนี้ นายอดิเรกกล่าวว่า จะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง พอเข้าสู่ฤดูฝนที่ความร้อนคลี่คลาย ความเสียหายของผลผลิตไข่ไก่จะลดลงและระดับราคาจะเข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไก่ไข่ต้องประสบความเสียหายจากวิกฤตไข้หวัดนกเมื่อปี 2547 รวมถึงปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนภาวะอากาศร้อนจัดแล้งจัดที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พยายามร่วมกันแก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในทางที่ดี