นางสาวสุพิชญา จำปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุนพลัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อผิวพรรณภายใต้แบรนด์ “ละมุน” เปิดเผยว่า จากความสำเร็จที่บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทางโซเซี่ยลมีเดียในการดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าละมุนโฟม มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์เป็นที่เป็นที่รู้จักและติดตลาดอย่างรวดเร็วภายใน 1 ปี
บริษัทฯจึงได้เปิดตัวโฟมล้างหน้า “ละมุนโฟม” อย่างเป็นทางการด้วยคุณสมบัติโดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นครั้งแรกที่ได้นำส่วนผสมที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความสะอาดหมดจด เคลียร์ปัญหาสิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่ พร้อมการบำรุงผิวพรรณในขั้นตอนเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใน 1 หลอดของละมุนโฟม ผสานคุณค่า Detoxiation & White Repair เหนือการชำระล้าง อุดมด้วยการบำรุง ป้องกันการเกิดสิว กำจัดทุกปัญหาบนใบหน้า สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็น เติมเต็มร่องลึก ควบคุมความมันตลอดวัน ปรับหน้าขาวใส นุ่มนวล อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถสัมผัสกับผลลัพธ์ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้รวมถึง 3 คุณค่า ไว้ในหลอดเดียว เพียงแค่การล้างหน้าสามารถได้ถึง3ขั้นตอนคือ Detox ล้างสารพิษ สารตกค้างใต้ชั้นผิวที่สะสมมานาน และไม่มีทางขับออก , Repair การรักษาปัญหาผิวหน้าในทุกจุด และสุดยอดการบำรุง ป้องกันปัจจัยการเกิดจุดบกพร่องบนใบหน้า จึงทำให้ล้างหน้าได้อย่างสะอาดหมดจดและบำรุงผิวหน้าเวลาเดียวกัน โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำงานและกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน
นางสาวสุพิชญา จำปา กล่าวต่อว่า บริษัทฯได้วางกลยุทธ์ในการเข้าถึงผู้ใช้จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าในอีก 1 ปีข้างหน้าจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ 7-Eleven ร้านวัตสัน เทสโก้โลตัส แฟมิลี่มาร์ท และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ พร้อมกันนี้ก็จะเริ่มทยอยส่งผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ละมุนออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับมูลค่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มูลค่าสูงถึง 8,000-8,500 ล้าน ในขณะที่ตลาดของผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้ามีมูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่าหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ละมุนโฟมจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 10% ของยอดขายรวมในระยะเวลา 6 เดือนที่เหลือของปี 56 และจะสามารถดันยอดขายของบริษัทเติบโตได้ถึง 20% ด้วยจุดแข็งดังกล่าว
ในขณะที่การทำตลาดในต่างประเทศนั้น บริษัทได้ส่งออก “ละมุนโฟม” ไปยังประเทศเวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และอเมริกาโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯ จะเปิดตลาดในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าเพิ่ม ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่คู่แข่งยังน้อยมาก และจะเพิ่มการทำตลาดในเวียดนามที่ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านยอดจำหน่ายในต่างประเทศคิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด
“และเพื่อรุกตลาดให้เข้าถึงใจผู้บริโภค บริษัทฯ ได้วางแผนทำตลาดผ่านช่องทางหลักคือการส่งเสริมการตลาด ณ จุดขายร่วมกับตัวแทนจำหน่าย, การจัดกิจกรรม Below the line ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการร่วมออกบูธแสดงสินค้า และทางโชเชียลเน็ตเวิร์ก ยังมีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพื่อรุกตลาดเข้าไปถึง End User ผ่านช่องทางร้านโชว์ห่วยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย” นางสาวสุพิชญา จำปา กล่าวปิดท้าย