คิง เผยงานวิจัยชูคุณค่า“รำข้าวไทย” สร้างความแตกต่างในธุรกิจอาหารและเบเกอรีเพื่อสุขภาพ

จันทร์ ๐๘ มกราคม ๒๐๑๘ ๐๙:๐๒
กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง จัดงานสัมมนาในโอกาสครบรอบ 40 ปี "เมื่อคุณค่านำรำข้าวก้าวไปไกล" The Potential Impacts of Rice Bran and Related Products โดยเชิญนักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการแถวหน้าของประเทศ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร และด้านโภชนาการระดับประเทศ ซึ่งนำโดย ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผศ.ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ผศ.ดร.อุทัยวรรณ สุทธิศันสนีย์ อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติมาร่วมยืนยันถึงคุณค่าของ "รำข้าวไทย" ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์จากสารอาหาร พร้อมหนุนผู้ผลิตอาหารและเบเกอรี ใช้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ หรือ Strategic Ingredient สร้างจุดขายที่แตกต่าง ตอบโจทย์กระแสรักสุขภาพทั่วโลก ณ โรงแรม เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท เมื่อเร็วๆนี้

นายประวิทย์ สันติวัฒนา กรรมการบริหาร กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง กล่าวว่า "งานสัมมนาฯ ครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของเราในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าวและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง กับรำข้าวเท่านั้นตลอดระยะเวลา 40 ปี ที่อยากจะเผยแพร่ข้อมูลและงานวิจัยที่น่าสนใจของ "รำข้าว" ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี ให้แก่กลุ่มผู้ผลิตอาหารและเบเกอรี กลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัย และบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งานร่วมงานนี้ เห็นถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของวัตถุดิบชนิดนี้ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ และสามารถใช้เป็น Strategic Ingredient สำหรับบริษัทผู้ผลิตอาหารและเบเกอรีเพื่อสุขภาพได้อย่างแน่นอน"

นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า "จากประสบการณ์ที่ยาวนานจนเกิดเชี่ยวชาญ และการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาค้นคว้าวิจัย ทำให้กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง สามารถผลิตผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับรำข้าวได้หลากหลาย โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่ม Oil ที่ผู้บริโภครู้จักดีอยู่แล้ว ได้แก่ น้ำมันรำข้าวคิง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ยอมรับว่า เป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ อุดมด้วยวิตามินและสารอาหารหลายชนิดและมีในปริมาณมาก โดยเฉพาะน้ำมันรำข้าวคิงเกรดพรีเมียม มีปริมาณโอรีซานอล 8,000 ppm. ซึ่งโอรีซานอลเป็นสารธรรมชาติที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ไม่พบในน้ำมันชนิดอื่น ช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี มีไฟโตสเตอรอลสูงถึง 18,000 ppm ซึ่งช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายและยังช่วยยับยั้งเซลล์เนื้องอก และยังมีวิตามินอีถึง 2 กลุ่ม คือ โทโคฟีรอลและโทโคไตรอีนอล ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ปลอดภัยจากกรดไขมันทรานส์ รวมทั้งทนต่อความร้อนสูงจึงเหมาะกับการทำอาหารทุกประเภทโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ทอด นอกจากนั้นยังเป็นน้ำมันที่ผลิตจากข้าวไทย จึงปลอด GMOs และส่งผลให้น้ำมันรำข้าวเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วโลก

ส่วนกลุ่มที่สอง คือ กลุ่ม Non-Oil ได้แก่ ชอร์ตเทนนิ่งน้ำมันรำข้าวคิง ผลิตจากไขของน้ำมันรำข้าว 100% มีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าชอร์ตเทนนิ่งทั่วไป และปลอดภัยจากกรดไขมันทรานส์ ใช้ทดแทนเนยสดหรือชอร์ตเทนนิ่งทั่วไป หรือที่เรียกกันว่าเนยขาวในการทำเบเกอรีต่างๆ แป้งรำข้าวคิง ผลิตจากรำข้าวสกัดน้ำมัน 100% มีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของโปรตีน มีวิตามิน B1 และ B3 สูง มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ปลอดกลูเตน สามารถใช้ทดแทนแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า หรือแป้งอื่นๆ ในการทำอาหารและเบเกอรีหรือใช้ผสมลงในเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ สุดท้ายคือ ครีมเทียมน้ำมันรำข้าวคิง ผลิตจากไขอ่อนของน้ำมันรำข้าว หรือ Rice Stearin ซึ่งต่างจากครีมเทียมในท้องตลาดที่มักมีส่วนผสมของไขมันปาล์ม ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องไขมันอิ่มตัว และกรดไขมันทรานส์

นอกจากนี้ กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นๆ อีก ได้แก่ รำสกัดน้ำมัน ที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นธุรกิจอาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์ Rice Butter และ Rice Bran Wax สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางที่ต้องการวัตถุดิบจากธรรมชาติไปใช้เป็นส่วนผสมในการทำลิปสติก หรือครีมบำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มน้ำมันรำข้าวคิงทั้งหมด สามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 6.5 พันล้านบาท"

ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล เปิดเผยว่า "ข้าว เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนไทยมาช้านาน แต่ส่วนใหญ่นิยมรับประทานข้าวขาว จึงไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากส่วนของรำข้าว ปัจจุบันนี้ มีผลิตภัณฑ์ จากรำข้าวมากมายในท้องตลาด ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสารโอรีซานอล ที่พบในรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี หรือ LDL-C และเพิ่มหรือคงระดับของคอเลสเตอรอลที่ดี หรือ HDL-C ในร่างกาย ทั้งนี้ ในผงรำข้าวจากรำสกัดน้ำมันยังมีเส้นใยอาหารสูงและเป็นแหล่งของโปรตีน ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาอาการท้องผูก ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เหมาะกับการนำมาพัฒนาเป็นอาหารสำหรับกลุ่มผู้แพ้กลูเตน เด็กและผู้สูงวัย รวมถึงสามารถนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบำรุงผิว สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง

คอลลาเจนได้อย่างดี นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากรำข้าว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางเกษตร ทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น และยังสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ที่ภาครัฐกำลังให้การสนับสนุนในปัจจุบันอีกด้วย"

ด้าน ผศ.ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล และ ผศ.ดร.อุทัยวรรณ สุทธิศันสนีย์ ได้กล่าวถึงการศึกษาวิจัยเรื่อง ผงรำข้าวสกัดน้ำมันบทบาทในการต้านโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ว่า "จากการศึกษาวิจัย สามารถแบ่งผลออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1). ผลการวิจัยจากการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ระยะสั้น พบว่าการรับประทานผงรำข้าวสกัดน้ำมัน ช่วยลดระดับกลูโคสและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทั้งยังเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น 2). ผลการวิจัยจากการวิจัยในหลอดทดลอง พบว่า สารสำคัญในผงรำข้าวสกัดน้ำมัน สามารถต้านการทำงานของเอนไซม์บิวทิริลโคลีนเอสเทอเรส ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์แอลฟา – อะไมเลส ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน และยับยั้งการทำงานของแองจิโอเทนซิน - คอนเวอร์ติง เอนไซม์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผงรำข้าวสกัดน้ำมันสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCD ได้"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4