1. โครงการ NBTC Policy Watch เลือกทำการเปรียบเทียบราคาค่าบริการ 3G กับ 2G โดยใช้ราคา 2G ของเดือนพฤษภาคม 2556 เป็นฐาน แทนที่จะเป็นวันออกใบอนุญาต (7 ธันวาคม 2555) ตามเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนด เนื่องจาก (1) เป็นเดือนสุดท้ายก่อนที่ผู้ให้บริการทุกรายเปิดให้บริการ 3G และ (2) กสทช.เริ่มกำกับดูแลราคาค่าบริการ 3G อย่างจริงจังในเดือนมิถุนายน 2556 ตามมติ กทค. ที่ 16/2556 ทางโครงการฯ จึงเห็นว่า การใช้ข้อมูลช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 เป็นฐานวัดการเปลี่ยนแปลงของราคามีความเหมาะสมทางวิชาการในการตอบโจทย์ของงานวิจัยมากกว่า
กระนั้น แม้ว่าช่วงเวลาที่เลือกใช้ในการคำนวณจะแตกต่างกัน แต่จากการตรวจสอบพบว่า แพคเกจราคา 2G เดือน พฤษภาคม 2556 ที่โครงการฯใช้ศึกษา ไม่ได้แตกต่างจากวันที่ 7 ธันวาคม 2555 ที่สำนักงาน กสทช. ใช้ เช่นนี้แล้ว ข้อโต้แย้งของสำนักงาน กสทช. จึงไม่ได้ส่งผลให้ข้อสรุปของงานศึกษาเปลี่ยนแปลงไป โครงการฯ ยังคงยืนยันว่า ราคาค่าบริการ 3G โดยเฉลี่ยลดลงไม่ถึง 15% ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กสทช.
2. สำนักงาน กสทช. วิจารณ์ว่าโครงการ NBTC Policy Watch ใช้ข้อมูลแพคเกจไม่ครบถ้วน เทียบไม่ได้กับการคำนวณราคาของสำนักงาน กสทช.ที่ใช้ข้อมูลแพคเกจมากถึงกว่า 600 แพคเกจ ในประเด็นนี้โครงการฯ มีเหตุผลประกอบการเลือกระเบียบวิธีวิจัยที่ชัดเจน กล่าวคือ โครงการฯ ตั้งใจเลือกใช้แพคเกจขายพ่วงบริการหลายประเภทที่ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกใช้อย่างแท้จริงมาทำการคำนวณเท่านั้น ไม่ใช่แพคเกจเฉพาะกิจหรือเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น แพคเกจที่ถูกใช้ในการคำนวณจึงมีคุณสมบัติ ดังนี้ (1) ไม่เฉพาะเจาะจงหรือขายพ่วงโทรศัพท์ (2) เปิดให้ลูกค้าทุกราย (3) ให้บริการข้อมูลเป็นปริมาณไม่ใช่เวลา (4) ไม่รวมบริการแถมชั่วคราว (5) ประกาศในเว็บไซต์อย่างชัดเจน และ (6) เป็นของผู้ให้บริการหลัก 3 รายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง
ในทางตรงกันข้าม โครงการ NBTC Policy Watch เห็นว่า การที่สำนักงาน กสทช. ใช้ทุกแพคเกจที่ผู้ให้บริการรายงานมาเฉลี่ยหาราคาโดยไม่ให้น้ำหนักกับความนิยมหรือจำนวนผู้ใช้ กลับเป็นจุดอ่อนในการคำนวณของ กสทช.เอง เพราะหลายแพคเกจที่นับรวมมาคำนวณอาจไม่มีผู้ใช้บริการจริงเลยหรือมีจำนวนน้อยมาก แต่เมื่อถูกนำมาใช้คำนวณอาจจะส่งผลดึงราคาเฉลี่ยให้ลดลง ซึ่งเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะผู้บริโภคไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงจริงและไม่ได้รับประโยชน์จริงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ แนวคิดที่โครงการ NBTC Policy Watch ใช้ในการคำนวณราคาอ้างอิงก็เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายกันทั่วไปในวงวิชาการและวงการกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ OECD[2] อีกทั้งเป็นวิธีที่มีความยืดหยุ่นในการประยุกต์ใช้งาน เพราะการเพิ่มหรือลดแพคเกจที่ต้องการพิจารณาสามารถทำได้ง่าย โครงการฯ จึงขอแนะนำให้สำนักงาน กสทช.ศึกษาระเบียบวิธีที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานทางวิชาการที่สูงขึ้นกว่าแนวทางการคำนวณที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาหลายประการ อาทิ ปัญหาการแยกราคาบริการแต่ละประเภทออกจากราคาแพคเกจ ปัญหาการนับรวมแพคเกจที่ผู้บริโภคอาจไม่ได้ใช้จริงหรือไม่สามารถใช้ได้จริง และปัญหาการตีความเพื่อแยกแยะว่าแพคเกจใดเป็นแพคเกจเดิมของ 2G ที่นำมาใช้ต่อใน 3G หรือแพคเกจใดเป็นแพคเกจใหม่ โดยทางโครงการฯ ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำและแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับทางสำนักงาน กสทช.เพื่อร่วมกันรักษาประโยชน์ของผู้บริโภค
3. งานของโครงการ NBTC Policy Watch มีข้อสรุปสำคัญอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องราคา 3G ที่ยังลดลงไม่ถึง 15% เช่น ราคาค่าบริการในส่วนที่ใช้เกินแพคเกจทั้งค่าโทร (1.5 บาทต่อนาที) และค่าบริการข้อมูล (2 บาทต่อเมกะไบท์) ซึ่งเก็บเกินจากอัตราขั้นสูงที่ กสทช. กำหนด ข้อมูลดังกล่าวมีความชัดเจน ตรวจสอบได้ง่าย และเป็นการกระทำผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่สำนักงาน กสทช.กลับไม่ได้ใส่ใจที่จะพิจารณาประเด็นดังกล่าวนี้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของสำนักงานฯ แต่อย่างใด
4. สำหรับข้อวิจารณ์ที่มีต่อ ดร.พรเทพ เบญญาอภิกุล นักวิจัยประจำโครงการว่าผลิตงานที่ไม่เป็นกลางและไม่มีมาตรฐานด้วยเหตุผลว่า ดร.พรเทพ กำลังร้องเรียนผู้ให้บริการรายหนึ่งว่าลดราคาค่าบริการ 3G ลงไม่ถึง 15%นั้น โครงการฯ ขอชี้แจงว่าการร้องเรียนของ ดร.พรเทพเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบปัญหาของกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคของ กสทช. รวมถึงกระบวนการแก้ปัญหาของผู้ให้บริการเมื่อได้รับการร้องเรียนด้วย วิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์นี้มิใช่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนแต่อย่างใด
จากการร้องเรียนของ ดร.พรเทพ โครงการ NBTC Policy Watch พบว่า กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนล่วงเลยมาเกือบ 1 ปี แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ผู้ให้บริการแก้ปัญหาด้วยการเสนอส่วนลดค่าบริการเป็นการเฉพาะรายให้กับ ดร.พรเทพ จนทำให้โครงการฯ ได้ชี้ให้เห็นในการแถลงผลการวิจัยว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะปัญหาเรื่องค่าบริการไม่ลดลงตามข้อกำหนดนั้นควรได้รับการแก้ไขเป็นการทั่วไปโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเป็นรายบุคคลเฉพาะผู้ร้องเรียน น่าเสียดายที่แทนที่ สำนักงาน กสทช. จะใช้โอกาสนี้ยกระดับการคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภคให้ถ้วนทั่วในวงกว้าง กลับใช้การทดลองดังกล่าวย้อนกลับมาตั้งคำถามต่อนักวิจัยผู้พยายามปกป้องสิทธิของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลสรุปของการศึกษาที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาส่งผลลบต่อ กสทช.
อย่างไรก็ตาม การที่สำนักงาน กสทช. ยกเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” มาใช้ในคราวนี้ ทางโครงการฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางสำนักงาน กสทช.ได้ตั้งคำถามและตระหนักถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ และหวังว่าสำนักงาน กสทช. จะให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างหนักแน่นตลอดไปในอนาคต โดยเฉพาะการเรียกร้องมาตรฐานสูงกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในองค์กรกำกับดูแลและผู้ให้บริการ มิใช่กับผู้บริโภครายเล็กรายน้อยอย่างหาสาระมิได้
ท้ายที่สุดนี้ โครงการฯ ขอยืนยันว่างานวิจัยทั้งหมดของโครงการถูกจัดทำขึ้นอย่างอิสระโดยปราศจากผลประโยชน์ใดๆ ภายใต้มาตรฐานทางวิชาการและการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดจากผู้ทรงคุณวุฒิภายใต้กระบวนการของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) นอกจากนั้น ในการจัดการแถลงผลการศึกษาและการสัมมนาสาธารณะทุกครั้ง ทางโครงการ NBTC Policy Watch ได้รักษาหลักสิทธิในการโต้ตอบและแลกเปลี่ยนของ กสทช. เสมอมา ดังจะเห็นว่าทางโครงการฯ ได้เชิญฝ่าย กสทช. มาร่วมแลกเปลี่ยนถกเถียงบนเวทีเดียวกันเสมอมา ซึ่งทางโครงการฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทาง กสทช.หันมาให้ความสนใจงานวิชาการของทางโครงการฯ โดยส่งบุคลากรเข้าร่วมงานเสวนาทางวิชาการและตอบข้อสังเกตเชิงนโยบายของโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการฯ มีความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะสร้างเวทีสาธารณะเพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนทางปัญญาเกี่ยวกับนโยบายสื่อและโทรคมนาคมของ กสทช. อย่างสร้างสรรค์บนฐานของงานวิชาการ
ในโอกาสที่สำนักงาน กสทช.ประกาศว่าจะส่งหนังสือและข้อมูลมาที่ สกว. ทางโครงการฯ ขอเรียกร้องให้สำนักงาน กสทช. เปิดเผยข้อมูลและวิธีการคำนวณราคา 3G ต่อสาธารณะด้วย เพื่อให้เกิดการถกเถียงและตรวจสอบในสังคมวงกว้าง ทั้งนี้ โครงการฯ จะยังคงยึดมั่นในการตรวจสอบและให้ความเห็นทางวิชาการเพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ของ กสทช. ภายใต้มาตรฐานทางวิชาการที่มีคุณภาพ และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาประโยชน์สาธารณะต่อไป
[1]ดูที่ “อัดรายงานวิจัยของ NBTC Policy Watch เรื่องค่าโทร 3จี ไม่ลด 15% ใช้ข้อมูลมั่วเสนอมีหนังสือถึง สกว. ส่งข้อมูลที่ถูกต้อง ย้ำนักวิจัยต้องมีจรรยาบรรณและเป็นกลาง”
http://www.nbtc.go.th/wps/portal/NTC/!ut/p/c5/04_SB8K8xLLM9MSSzPy8xBz9CP0os3hnd0cPE3MfAwMDP09TAyOXMBc_T1dLAwMnU_1wkA48Kowg8gY4gKOBvp9Hfm6qfkF2dpqjo6IiAEc6d5w!/dl3/d3/L2dJQSEvUUt3QS9ZQnZ3LzZfNE83RDVQRzVJQkFWNDBJQ0JDOEo1MTJTQjQ!/?WCM_GLOBAL_CONTEXT=/wps/wcm/connect/library+ntc/internetsite/04newsactivi/0401pubnews/040102news/news_pub_detail/5275588044942cdaa29bfb02798649ff
[2]ดูเพิ่มเติม เช่น OECD (2012), Methodology for Constructing Wireless Broadband Price Basket(DSTI/ICCP/CISP(2011)5/FINAL)(http://search.oecd.org/officialdocuments/publicdisplaydocumentpdf/?cote=DSTI/ICCP/CISP(2011)5/FINAL&docLanguage=En )