อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กทค. ใช้เวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าวประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ไม่อาจมีมติได้ โดยสุดท้ายที่ประชุมมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไป โดยรอจนกว่าเลขาธิการ กสทช. กลับมาปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการลาพักร้อน
ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กทค. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพประชาชน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่สำนักงาน กสทช. นำเสนอให้ กทค. เป็นผู้ฟ้องคดีร่วม เนื่องจากจะลดความเสี่ยงจากการที่ศาลปกครองกลางจะไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยสำนักงาน กสทช. ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบด้วยว่า คดีดังกล่าวมีอายุความ 1 ปี และกำลังจะหมดอายุความลงในวันที่ 18 กันยายน 2559 นี้ ดังนั้น กทค. จึงควรเร่งตัดสินใจในเรื่องนี้ เพราะหากดำเนินการล่าช้าทำให้คดีขาดอายุความ ก็จะเกิดความเสียหายกับรัฐได้ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ บจ. ดิจิตอล โฟน ต้องนำส่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ประกาศมาตรการเยียวยาฯ ด้วยเช่นกัน จำนวน 879.59 ล้านบาท แต่ปัจจุบันยังไม่มีการฟ้องคดี ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงาน กสทช. ก็ต้องเร่งดำเนินการ