แม้ว่าดเวย์น จอห์นสัน จะเกิดที่ซาน ฟรานซิสโก ฮีโร่ของเรื่องก็กล่าวว่า “ผมเองก็มีโอกาสโตขึ้นในฮาวาย ซึ่งไกลจากสถานที่ๆ ใช้ถ่ายทำประมาณ 1 ชั่วโมง และมันการได้กลับมาก็วิเศษมาก ช่วงเวลาหลายวันตอนที่ผมอายุ 13 หรือ 14 ปี ผมรักการดูหนังและก็มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นการได้กลับมาที่ฮาวายและแสดงหนังผจญภัยที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก”
ผู้สร้างภาพยนตร์ยังใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของสตูดิโอที่ North Carolina เพื่อถ่ายทำบางฉากให้เสร็จ เริ่มด้วยฉากที่เฮลิคอปเตอร์พุ่งชน หลังจากนั้นก็มีการถ่ายทำที่ Eternity Beach แต่ฉากที่หมุนผ่านพายุจนดิ่งลงพื้นถ่ายทำที่โรงถ่าย ซึ่งรวมถึงสิ่งที่ผู้ควบคุมสเปเชียล เอ็ฟเฟ็กต์ ปีเตอร์ เชสนีย์ เรียกว่า “มันเป็นเหมือนรางประกอบของเล่นที่สร้างขึ้นรอบเสาเหล็กที่หนักมากกับอลูมิเนียมที่ยืดขยายออก”
เชสนีย์สามารถประยุกต์แรงดันรอกทุกมุมน้ำหนัก 6,000 ปอนด์เพียงแค่กดปุ่ม โดยการสร้างอุปกรณ์ที่มีการสั่นสะเทือนสูงที่เขาตอกแอร์แบ็คลงไป เพื่อแปลงโช๊คของรถบรรทุกและติดตั้งมันกับวาห์ลแรงดันสูง ที่จะสามารถผลักดันแรงอัดอากาศปริมาณสูงจากการกดสัญญาณกระแสไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถสร้างพายุเฮอริ์เคนที่มีความรุนแรงระดับ 5 ที่สุดท้ายได้สะบัดเฮลิปคอปเตอร์เป็นเสี่ยงได้ “มันคล้ายกับ ‘เครื่องบินฝึกแรงโน้มถ่วง’ อันเลื่องชื่อขององค์กร NASA ที่พวกเขาสร้างแรงโน้มถ่วงให้เป็น 0 แต่เราหยุดที่การกลิ้งระหว่างกลางและสามารถวิ่งกลับไปในอีกทิศทางหนึ่งได้” เขาเล่าอย่างภูมิใจถึงเอ็ฟเฟ็กต์ล่าสุดของสิ่งประดิษฐ์ในฉาก
แต่นั่นเป็นเพียงช่วงแรกเริ่ม ฉากผาดโผนที่เป็นจุดเด่นของภาพยนตร์ยังมีการต่อสู้กันทางอากาศที่นักผจญภัยทั้ง 5 คนนั่งอยู่บนผึ้งยักษ์และถูกนกที่ตัวใหญ่กว่าไล่กวดเพื่อจะกินพวกเขา ฌอนพยายามชี้พวกนกเหล่านั้นว่าเป็นนกที่มีคอสีขาวสายพันธุ์ Needletails ก่อนที่พวกมันจะโฉบลงมาหาเขา ซึ่งถูกเจาะจงเป็นพิเศษเพราะ Needletails เป็นนกที่บินเร็ว และอันที่จริงแล้วกินผึ้งเป็นอาหาร ซึ่งจากขนาดแล้วเพย์ตันแนะว่า “ให้คิดว่าผึ้งเป็นเฮลิคอปเตอร์ ส่วนนกเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแล้วกัน”
“เราเฝ้าระวังเพื่อให้แน่ใจว่ามันให้ความรู้สึกที่ถูกต้องในเรื่องความเร็วและตามหลักฟิสิกส์” เขากล่าวต่อ “ผมอยากให้ภาพเหล่านี้มีน้ำหนัก ฉะนั้นเวลาที่ผู้ชมเห็นนักแสดงกระชากไปทางซ้ายหรือขวาอย่างแรง หรือเอียงตัวเวลาเลี้ยว พวกเขาต้องแสดงแบนั้นจริงๆ” เพื่อการสร้างฉากนี้ให้สำเร็จ ผู้กำกับต้องหันไปพึ่งเชสนีย์อีกครั้ง เขาเป็นผู้สร้างหุบเขาหลายชุดที่เรียกว่า Bee Bucks ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนให้ดูสมจริงได้ คล้ายกับถังน้ำมัน ซึ่งแต่ละอันถูกวัดและสร้างความสมดุลกับน้ำหนักของนักแสดงแต่ละคน จากนั้น The Bucks จะเชื่อมติดกับคานรับน้ำหนักที่ทำหน้าที่เหมือนแผงไม้กระดานหกที่มีน้ำหนักถ่วงเพิ่มเติม แล้วนักแสดงทั้งหมดจะนั่งอยู่บนสามเหลี่ยมที่เป็นฐานลอยอยู่บนลูกปืนที่สามารถควบคุมความผันแปรของแรงดันได้ ฉะนั้นจึงลอยเหมือนกับลูกยางบนโต๊ะเกมฮ็อคกี้
ในตอนหลังผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ บอยด์ เชอร์มิส ได้แทนที่ถังน้ำมันด้วยผึ้งที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิค และแทรกฟุตเทจหลังฉากที่ทีมงานของเขาพบโดยบังเอิญจากการเดินทาง และด้านบนยอดต้นไม้ของหุบเขา บนเฮลิคอปเตอร์ก็มีการใช้กล้องสเตอริโอขนาดย่อส่วนเพื่อให้ได้จังหวะความเร็ว การเคลื่อนไหวและความตื่นเต้นของการบิน จากนั้นเขาถ่ายทำ Buck Rig และส่วนเพิ่มเติมจากทุกมุมแล้วมาผสมผสานทั้งหมดเข้ากับฉากแอ็คชั่นแบบดิจิตอล เหล่านักแสดงจึงเห็นและแสดงโต้ตอบกันได้อย่างรวดเร็วตลอดการไล่ล่า
จากฉากนั้นก็มีฉากแอ็คชั่นบางฉากที่ย้ายไปใต้น้ำ เพื่อไปพบกับปลาไหลไฟฟ้าเพชฌฆาตขนาดยักษ์ ซึ่งจอห์นสันและฮัตเชอร์สันต้องมีใบรับรองการดำน้ำสกูบาเข้ามาเสริมในประวัติ ในตอนแรกผู้สร้างภาพยนตร์วางแผนว่าจะใช้แทงก์ที่ฃ EUE/Screen Gems Studios ในวิลมิงตัน แต่ฉากถูกพัฒนาแนวคิดและมีขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขาเลยต้องสร้างแทงก์ขึ้นมาเอง ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 ฟีต ลึก 20 ฟีต รองรับน้ำได้ 750,000 แกลลอน
นักแสดงต้องดื่มน้ำเข้าไปและบางส่วนของฉากที่เรือดำลงไปในน้ำเรียกว่าห้องขนาดเล็กซึ่งเป็นทางผ่าน แต่เชอร์มิสเปิดเผยว่า “ทุกอย่างในฉากนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนย่อยๆ ใต้น้ำ การหักเหของแสง สิ่งมีชีวิตในทะเล หินปะการัง ฟองอากาศและโคลน สภาวะใต้น้ำเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์อย่างซับซ้อนที่สุด ใช้เวลานานมากกับเลเยอร์นับร้อย”
กลับมาที่เหนือระดับน้ำทะเล บ้านต้นไม้ของอเล็กซานเดอร์ตั้งใจสร้างขึ้นมาด้วยมือจากการกู้เรืออับปาง และไฟที่จุดขึ้นมาด้วยหิ่งห้อยที่บรรจุอยู่ในขวดแก้วก็ถูกสร้างขึ้นมาในฉากเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ของฉากแอตลานติสที่กว้างขวางถูกสร้างขึ้นบนสถานที่ในฮาวาย ผู้ออกแบบฉากบิล โบส์ อธิบายว่า “เราอยากถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่หรูหราอลังการ บางอย่างถูกสร้างขึ้นด้วยการทาสีแบบด้านและวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ แต่เราก็สร้างฉากขนาดยักษ์ขึ้นมาที่ Kualoa Valley ด้วยเช่นกัน เพราะเกาะจมขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดช่วง 140 ปี เรารวมพวกเปลือกหอยและหินปะการังและสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำสมัยโบราณเข้าไปในโครงสร้างด้วย”
ความอัศจรรย์อื่นๆ ของเกาะ ได้แก่ ภูเขาไฟที่พ่นทองเปลว รวมถึงขี้เถ้าทองที่ฝนตกลงมาใส่กลุ่มนักผจญภัยที่วิ่งหลบหนีอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้เอ็ฟเฟ็กต์อันสมจริงถือเป็นความท้าทาย และเพื่อเลี่ยงมลพิษของสภาพแวดล้อมช่วงแรก ทีมงานไม่สามารถใช้เครื่องมือตามมาตรฐานในการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นไมกาหรือชิ้นส่วนของไมลาร์ก็ตาม พวกเขาต้องการองค์ประกอบที่ปลอดภัย หลังจากมีการพิจารณาอย่างหนักแล้วก็ตัดสินใจว่าทางออกแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือวิธีที่ดีที่สุด พวกเขาจึงเลือกแผ่นทองที่แท้จริงโดยมีความหนา 1.2 ล้านหน่วยต่อหนึ่งนิ้ว และมีความบริสุทธิ์พอที่จะกินได้
สำหรับสถานที่อื่นๆ กลุ่มนักผจญภัยต้องเผชิญหน้ากับความไม่คาดฝันที่ไม่พึงปรารถนา นั่นคือกองไข่ที่มีรูปร่างประหลาด ซึ่งที่จริงแล้วเป็นไข่กิ้งก่ายักษ์ ซึ่งพวกเขาไม่รู้จนกระทั่งข้ามมาครึ่งทางแล้ว แต่ละคนทรงตัวอย่างไม่มั่นคงบนเปลือกหอยบางๆ ในขณะที่แม่กิ้งก่ายักษ์คืบคลานมาหาพวกเขา ไข่เกือบ 60 ฟองที่เข้ามามี 2 ขนาด นั่นคือขนาดใหญ่และใหญ่กว่า ซึ่งมีการแกะสลักและหลอมโดยไฟเบอร์กลาสที่โปร่งใส เขานำมาเชื่อมเข้ากันและทาสี สร้างขึ้นมามีน้ำหนักราว 200-300 ปอนด์ มีขนาดระหว่าง 7 — 10 ฟีตตามความยาวเส้นรอบวงที่ถูกวางให้ได้ตำแหน่งและดามลงไป
Journey 2: The Mysterious Island —
เจอร์นีย์ 2 : พิชิตเกาะพิศวงอัศจรรย์สุดโลก
2 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น