พี่ซุป เผยว่า “สำหรับผม การได้เข้ารอบสุดท้ายของทั้งสองรางวัลนี้ นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของคนผลิตรายการเด็ก เพราะการประกวดที่จัดขึ้นนี้ มุ่งเน้นเรื่องของเด็กโดยเฉพาะ เราได้ศึกษารายการอื่นๆ ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายต้องยอมรับว่าประเทศต่างๆในโลก เขาให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กผ่านสื่อโทรทัศน์อย่างมาก ทุ่มเททั้งความคิดสร้างสรรค์ และทุ่มทุนในด้านของโปรดักชั่น” สำหรับ รายการท้าให้อ่าน เราได้รับโจทย์จาก ทางไทยพีบีเอส ให้ผลิตรายการ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดกระแส รักการอ่าน เราจึงท้าทายเด็กๆ ด้วยภารกิจ “การอ่าน” นำเสนอ ในรูปแบบของเกมส์โชว์ที่เด็กๆทั้งห้อง จะต้องร่วมมือกัน ใช้หนังสือเป็นอาวุธ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิด จากข้อมูลของการอ่านของแต่ละคน เพื่อพิชิตขุมทรัพย์หนังสือ มอบให้แก่โรงเรียนของตนเอง และ โรงเรียนที่ขาดแคลน ส่วนรายการวิตามินข่าว เป็นรายการที่ผนึกกำลังกันระหว่าง สสส. / ไทยพีบีเอส และซูเปอร์จิ๋ว ความตั้งใจเดิมนั้น รายการนี้จะต้องออกอากาศ ในปี 2555 แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 เราพบว่า ข่าวสารในช่วงนั้น กำลังสับสน ไม่มีใครสื่อสารกับเด็กโดยตรง ด้วยภาษาที่เด็กเข้าใจ เราจึงอาสาผลิตสื่อสำหรับเด็กที่เราถนัด เพื่อสื่อสารให้เด็กๆ เกิดความเข้าใจ ปรับตัว และใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤตินั้น โดยต้องการสื่อสารผ่านเฉพาะช่องทาง Social Media แต่ด้วยความสนับสนุนจาก สสส และ ไทยพีบีเอส ทำให้รายการ วิตามินข่าว ได้ออกอากาศทาง ไทยพีบีเอสต่อเนื่องจำนวน 13 ตอน เป็นชุดความรู้สำหรับเด็กและครอบครัว ที่เข้าใจง่าย น่ารัก ได้สาระ และสนุกกำลังดี
พี่ซุป กล่าวต่อว่า “สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่า ผลการประกาศรางวัลของทั้งสองโครงการ ก็คือ การได้ศึกษา แลกเปลี่ยน เรียนรู้ มุมมอง แนวคิด เทคนิค การผลิตรายการเด็กของเพื่อนต่างประเทศ ซึ่งผู้จัดการประกวด จะจัดให้มีการสัมมนา และทำเวิร์คช็อป ในกลุ่มของผู้ผลิตรายการเด็ก ซึ่งเราหวังว่าจะนำข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้ มาใช้พัฒนารายการเด็กของเราให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซูเปอร์จิ๋วเราตั้งใจอาสา ที่จะเป็นองค์กร ที่มุ่งพัฒนาสื่อการเรียนรู้ของเด็กและครอบครัวผ่านรายการโทรทัศน์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ชมรายการครับ”