ด้านคุณแอล (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า “เรายอมรับว่าเป็นคนเสพย์ติดกับความสวยความงามเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป อยากทำทั้งจมูก หน้า คาง หน้าอก จนวันนึงเพื่อนที่สนิทแนะนำให้ไปทำศัลยกรรมแถวพุทธมณฑล ตอนนั้นก็ไม่เกิดปัญหาอะไร จนวันนึงเราอยากทำจมูกแต่เปลี่ยนคลินิกเป็นอีกที่หนึ่ง แพทย์ทำการผ่าตัดเอากระดูกอ่อนหลังใบหูมาเพื่อตัดแปะทำศัลยกรรมที่จมูกให้ ตอนนั้นถูกฉีดยาชาจึงไม่รู้สึกตัวเลยคะ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งอาทิตย์รู้สึกจมูกที่เพิ่งทำศัลยกรรมมาผิดปกติมีกระดูกทะลุออกมา เลยตัดสินใจไปที่คลินิกที่ทำมาผลปรากฏว่าคลินิกนั้นปิดกิจการไปแล้ว จึงตัดสินใจไปรื้อจมูกใหม่อีกคลินิกนึง เมื่อแพทย์รื้อจมูกออกมาปรากฎว่าไม่มีกระดูกอ่อนหลังใบหูตามที่แพทย์คลีนิคแรกได้บอกไว้ พบเพียงซิลิโคนเท่านั้น และเป็นซิลิโคนที่คุณภาพไม่ค่อยดี มีความเสี่ยงต่อจมูกมาก ไม่รู้จะเรียกร้องจากใคร จะแจ้งความก็เอาผิดกับคลินิกเก่าไม่ได้ เพราะหนีหายไปแล้วคะ”
ด้าน “หนิง-ปณิตา” เผยว่า “หนิงเข้าใจในเรื่องของการทำศัลยกรรมนะ ส่วนตัวเราเองก็มีบ้างที่เคยทำมา แต่สิ่งหนึ่งที่หนิงคิดไว้ตลอดคือ คนเป็นแพทย์ศัลยกรรมด้านความสวยความงามจะต้องมีจรรยาบรรณหน่อย ทำงานด้านนี้เกิดเหตุอะไรก็ต้องออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันส่อให้เห็นถึงความมักง่ายมากเลยคะ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานของคุณแอบไปทำศัลยกรรมแล้วเจอพิษร้ายแบบนี้ เจอคนไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ คุณจะปล่อยให้เค้าหนีหายไปง่ายๆหรอคะ หนิงขอฝากถึงแพทย์ศัลยกรรมทุกแห่งว่า “เมื่อคุณมาประกอบวิชาชีพนี้แล้ว รับผิดชอบและมีจรรยาบรรณของความเป็นแพทย์นิดนึง เพราะคุณเรียนวิชาชีพนี้มาเพื่อช่วยรังสรรค์ความสวยความงามให้กับผู้หญิง ดังนั้นคุณคงไม่อยากให้เรื่องเล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวคุณคุณก็ควรจะมีความรับผิดชอบในวิชาชีพด้วยคะ”
ติดตามชมรายการ “ปากโป้ง” ทุกวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 10.05น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8