ไอดอลของเขาคือ บรู๊ซ ลี นั่นจึงทำให้ในช่วงวัยรุ่น เขาฝึกฝนยิมนาสติก และศิลปะการป้องกันตัวอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบก็คือ การกระโดดน้ำ เขาฝึกฝนอย่างหนักจนได้มาเป็นนักกระโดดน้ำทีมชาติ และยังเคยคว้าอันดับ 12 ในการแข่งขัน World Championships ในปี 1992 อีกด้วย
หลังจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ เขาตัดสินใจที่จะไปทำงานเกี่ยวกับการค้าขาย โดยเขาหารายได้จากการเป็นคนขายสินค้าของนักออกแบบในลอนดอนช้อปปิ้งสตรีท
และแล้วงานที่สร้างรายได้อย่างจริงจังให้กับเขาก็มาถึง เมื่อแมวมองได้ไปพบ เจสันที่ยิมออกกำลังกาย และได้ชักชวน – เซ็นสัญญาเขาให้มาเป็นนายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง French Connection และ Levi Strauss & Co.ชีวิตการแสดงของเจสัน สเตทแธมเริ่มต้นขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998) โดยผู้กำกับกาย ริทชี่ ซึ่งเห็นเจสันจากการเป็นนายแบบ ได้ลองชักชวนให้เขามาคัดตัวนักแสดงดู โดยการให้เขาลองสวมบทบาทโจรค้าเพชรผิดกฎหมาย ซึ่งเขาก็คว้าใจผู้กำกับไปอย่างเต็ม ๆ เพราะเจสันสามารถใช้เล่ห์กล ยอมกล่อมให้ผู้กำกับกาย ริทชี่ยอมซื้อเพชรผิดกฎหมายได้ในที่สุด
เจสัน สเตทแธมได้แจ้งเกิดในฐานะแอ็คชั่นสตาร์คนใหม่ของวงการฮอลลิวู้ด ! จากภาพยนตร์ชุด The Transporter ( 2002 – 2008 ) และหลังจากนั้นเขาก็มีผลงานในภาพยนตร์แอ็คชั่นมากมายตามออกมา เช่น Crank ( 2006 – 2009 ) , Parker ( 2013 ) , The Expendables ( 2010 – 2014 )
และล่าสุดกับการมารับบทเป็น นิค ไวลด์ บอดี้การ์ดฝีมือพระกาฬแห่งลาส เวกัสที่พยายามพาตัวเองออกจากโลกของการพนันในภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดระห่ำ “ Wild Card มือฆ่าเอโพดำ ” … ซึ่งเอกลักษณ์ในการแสดงภาพยนตร์ทุกเรื่องของเขาก็คือ มักจะโชว์ศิลปะการต่อสู้อย่างดุเดือด และหลากหลาย นอกจากนี้เขายังมักจะทุ่มเทเล่นฉากแอ็คชั่น เสี่ยงอันตรายต่าง ๆ ด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
“ Wild Card มือฆ่าเอโพดำ ” มีกำหนดการแอ็คชั่น สร้างความมันส์กระหน่ำแบบนัน-สต๊อป ... 18 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์