ลาดพร้าว-ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มองว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมการแข่งขันอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีไม่ได้รุนแรงเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะประเด็นผู้ประกอบการบางรายขอยกเลิกใบอนุญาตและการประกอบกิจการทีวีดิจิตอล แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 1 ปี นับจากนี้เชื่อว่าจะยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
โดย “ละคร” ยังเป็นหัวหอกสำคัญในการทำธุรกิจทีวีดิจิตอล เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่มีพลังและอิทธิพลเพื่อสร้างการรับรู้และจดจำให้แก่ช่อง รวมถึงช่วงชิงสายตาผู้ชมได้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา “ช่อง 8” มีความถนัดและทำละครได้ดีอยู่แล้ว ขณะที่ “ข่าว” โดยเฉพาะ “รายการคุยข่าวเช้า” เป็นอีกคอนเทนต์ที่ “ช่อง 8” มีความแข็งแกร่งและทำได้ดีอยู่แล้วเช่นกัน ดูได้จากเรตติ้งในช่วงรายการข่าวขณะนี้ไต่สู่อันดับ 3 ของประเทศเรียบร้อยแล้ว เพราะมีทีมงานที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์โดยตรง ทำให้มีความแม่นยำในการผลิตคอนเทนต์ถูกใจคอข่าวทั่วประเทศ
ทั้งนี้ “ช่อง 8” มีการปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้เห็นการเติบโตในไตรมาส 2 สดใสเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ค่อนข้างซบเซา โดยล่าสุดได้ปรับเนื้อหาละครให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อขยายฐานผู้ชมแมสกลุ่มใหม่อย่างคนกรุงเทพฯ มาเสริมทัพกลุ่มแมสเดิม คือ คนหัวเมืองและคนต่างจังหวัดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งเริ่มแล้วกับละครเรื่อง “คุณหญิงนอกทำเนียบ” ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ มั่นใจว่ากระแสตอบรับจะดีตามเป้าที่วางไว้
รวมทั้งได้เพิ่มเวลาออกอากาศละครอีก 30 นาทีต่อเรื่องเป็น 1.30 ชั่วโมง จากเดิม 1 ชั่วโมงต่อเรื่อง โดยเตรียมผลิตละครใหม่อีกกว่า 10 เรื่อง ได้แก่ คุณหญิงนอกทำเนียบ ดอกซ่อนชู้ มนต์รักอสูร ล่าดับตะวัน ระบำไฟ เพลงสุดท้าย เป็นต้น. รวมถึงซิทคอม “โฮเตลเวลคัม” ซิทคอมของคนในโรงแรมที่สุดวุ่นสุดป่วน และละครซีรี่ส์สำหรับชีวิตรักคนเมืองอย่าง “รักสตอรี” จะออกอากาศเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกันเตรียมเพิ่มรายการวาไรตี้ใหม่อีก 5 เรื่อง ได้แก่ รายการ “ดาวประจำเมือง” รายการที่จะเฟ้นหาหนุ่มหล่อสาวสวยในทุกๆ อาชีพ รายการ “บิ๊กเฮง” รายการดารากับความเชื่อ รายการ ”จิ๋วซ่า” รายการเรียลลิตี้เด็กที่น่ารักสุดแสบซ่า เป็นต้น ทำให้สัดส่วนละครเพิ่มเป็น 20% จากเดิม 15% ขณะที่รายการวาไรตี้ 50% รายการข่าว 25% และรายการกีฬา 5%
นอกจากนี้ เตรียมจับมือกับ “เจเอสแอล” และ “แฮปปี้ทูเกทเตอร์” ผู้ผลิตคอนเทนต์มากประสบการณ์เป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านผลิตคอนเทนต์ทั้งละครและรายการวาไรตี้ โดยจะมีรายการต่างๆ เริ่มออกอากาศช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งคอนเทนต์สำคัญที่จะได้เห็นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้สัดส่วนการผลิตคอนเทนต์เองอยู่ที่ 90% และรับจ้างผลิตอยู่ที่ 10% ซึ่งคาดว่าการปรับเปลี่ยนทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจะส่งผลให้มียอดผู้ชมที่เพิ่มขึ้นทันทีเฉลี่ยประมาณ 3.5 แสนคนต่อนาที จากปัจจุบันมียอดผู้ชม 2.5 แสนคนต่อนาที ถือเป็นตัวเลขที่พึงพอใจ เพราะสามารถรักษาเรตติ้งให้เสถียรครองอันดับ 4 ของประเทศ