ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรียกน้ำตา จาก ผกก. โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ
ได้ปล่อยใบปิดไทยออกมาแล้ว หนังพูดถึงครอบครัวหนึ่งที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในคืนที่พายุไต้ฝุ่นพัดถล่มเมือง
คืน ๆ นั้น พวกเขาทบทวนถึงความรัก ความผูกพัน ระหว่างกัน จนอาจทำให้ผู้ชมเผลอน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
กำหนดฉาย 15 กันยายน เข้าชิงรางวัล Un Certain Regards จาก CANNES FILM FESTIVAL 2016
เรื่องราว เรียวตะ (อาเบะ ฮิโรชิ ) อดีตนักเขียนดาวรุ่ง ที่ใช้ชีวิตผิดทาง จนต้องหย่าร้างกับภรรยา ( มากิ โยโกะ ) และ แม่ ( คิคิ คิริน ) ก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก เรียวตะ พยายามจะกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกที่ไร้ค่า เขาจึงตัดสินใจไปรับจ้างเป็นนักสืบเอกชน เพื่อให้ภรรยาเก่าเห็นว่าเขาสามารถหาเงินมาจ่ายค่าเลี้ยงดู ลูกชาย ( โยชิซาวะ ไทโย ) ได้ และในช่วงเวลาเดียวกัน เรียวตะ ก็ พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ แม่ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รักเขาสุดหัวใจ มาตลอดทั้งชีวิตของเธอ ด้วยการกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงพายุฤดูร้อน ช่วงเวลา ที่เมืองทั้งเมืองต้องตกอยู่ใต้ลมพายุเกือบทั้งสัปดาห์ ที่นั่นคำว่าครอบครัวกลับมามีความหมายอีกครั้ง
ผู้กำกับโคเระเอดะ บอกว่า ไอเดียในการทำหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว หลังจากพ่อของเขาตาย แม่ของเขาก็ต้องอาศัยอยู่ในแฟลตเล็กๆ เพียงลำพัง เขาหวังว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะได้ทำหนังที่ใช้แฟลตของแม่เป็นฉากหลัง
โคเระเอดะบอกว่าช่วงเวลาที่แฟลตแห่งนี้งดงามที่สุด คือตอนเช้าหลังจากพายุฝนกระหน่ำ หญ้าจะเขียวสดเป็นพิเศษ และมีมความสดใสชุ่มชื่นไปทั่วบริเวณ
โคเระเอดะ ได้มีโอกาสลงมือเขียนบท After the Storm จริงๆ ก็ตอนปี 2013 ประโยคแรกที่เขาเขียนก็คือ "ไม่ใช่ทุกคนหรอก ที่จะโตมาเป็นอย่างที่เคยฝันเอาไว้" และประโยคสั้นๆ นี้ก็ได้กลายเป็น theme สำคัญของเรื่อง
โคเระเอดะบอกว่า คนหลายคนเมื่อโตขึ้นก็มักจะพูดกับตัวเองว่า "เราปล่อยให้ชีวิตของเราเป็นแบบนี้ได้ไง มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิวะ" ตัวละครเอกของเขาก็เจอปัญหาแบบเดียวกันนี้ เขาอยากเป็นนักเขียนมาก แต่เขาก็หาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นนักสืบ และชีวิตเขาพังไม่เป็นท่าเพราะติดการพนัน
เพราะฉะนั้น After the Storm นับได้ว่าเป็นหนังที่ "ส่วนตัวที่สุด" ของโคเระเอดะเลยทีเดียว เขาบอกว่า ถ้าเขาตายไปแล้วต้องเจอกับพระเจ้า หากพระเจ้าถามเขาว่า ชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไร เขาจะฉายหนัง After the Storm ให้พระเจ้าดู
โคเระเอดะเล่าว่า ตัวเองเรียนจบมหาวิทยาลัยก็อยากทำหนัง แต่ตอนนั้นการเข้าไปในวงการหนังมันยากมาก เขาได้งานที่สถานีโทรทัศน์ และอิดออดที่จะทำงานนี้ แม่ของเขาเป็นคนบอกว่ามีงานอะไรก็ทำๆ ไปก่อน ตอนนั้นเขาหงุดหงิดแม่มาก พอนึกย้อนไปแล้ว ถ้าเขาไม่เชื่อแม่ ชีวิตก็คงไม่ได้มาถึงจุดนี้
การทำงานที่สถานีโทรทัศน์ ทำให้โคเระเอดะได้ทำหนังสารคดีหลายเรื่อง และได้กลายมาเป็นสไตล์การทำหนังของเขาในปัจจุบัน
ตอนเขียนบท โคเระเอดะก็จินตนาการว่า ฮิโรชิ อาเบะ จะมารับบทเป็นพระเอก อาเบะเคยร่วมงานกับเขามาแล้วใน Still Walkingและ I Wish รวมถึงหนังทีวีเรื่อง Going Home
เหตุผลที่โคเระเอดะเลือกอาเบะมารับบท เรียวตะ บทนำของเรื่อง ก็เพราะว่า อาเบะดูเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง ชอบโชว์ความแกร่ง แต่จริงๆ แล้วลึกๆ เขาเป็นคนเปราะบาง
คนที่มารับบทแม่ในหนัง โคเระเอดะ เลือกนักแสดงรุ่นใหญ่งานชุกอย่าง คิริน คิคิ ซึ่งเคยร่วมงานกับเขามาหลายเรื่องแล้ว แถมยังเคยเล่นเป็นแม่ของฮิโรชิ อาเบะใน Still Walking ด้วย
โคเระเอดะบอกว่า ถ้าคิริน คิคิไม่ตอบตกลงเล่น เขาก็ตั้งใจว่าจะพับโครงการนี้ไปเลย
แม้จะดูเหมือนไม่ใช่บทที่ยากอะไรนักหนา แต่คิริน คิคิ ก็ทำการบ้านเยอะมาก เธอบอกว่า ต้องทำให้คนดูรู้สึกว่า ตัวละครของเธอคือคนที่อยู่ในแฟลตแห่งนี้มา 20 ปีแล้ว จะหยิบจะจับอะไรก็ต้องให้มันดูคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติที่สุด
มากิ โยโกะ นักแสดงสาวเจ้าบทบาทมารับบท ภรรยาของพระเอก หลังจากเคยร่วมงานกันมาแล้วใน Like Father, Like Son มากิ โยโกะดีใจมากที่โคเระเอดะชวนเธอมาเล่น เธอบอกว่า เวลาอยู่ในกองถ่ายของโคเระเอดะแล้ว เธอรู้สึกผ่อนคลาย ได้เป็นตัวของตัวเอง แตกต่างจากการไปทำงานกับกองอื่นๆ
นักแสดงเด็ก ไทโย โยชิซาวะ มาเล่นเป็นบทลูกชายของเรียวตะ เขาเกิดในปี 2003 AFTER THE STORM ถือเป็นหนังเรื่องแรกของเขา
ซาโตมิ โคบายาชิ นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่มากฝีมือมารับบท พี่สาวของเรียวตะ นี่เป็นครั้งแรกที่โคเระเอดะกับเธอได้ร่วมงานกัน โคบายาชิสร้างชื่อจากการเป็นนักแสดงวัยรุ่นในยุค 80 และกลายเป็นนักแสดงที่ได้รับการนับถือในฝีมือในปัจจุบัน
หนังยกกองไปถ่ายทำที่แฟลต "อาซาฮิงาโอะกะ" อยู่ในเขตคิโยเสะของโตเกียว ซึ่งเป็นแฟลตเดียวกับที่โคเระเอดะอยู่กับครอบครัวตั้งแต่เขาอายุ 9 ขวบ และย้ายออกไปตอนเขาอายุ 28 พอไปถ่ายจริงๆ ก็มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน มามุงดูกองถ่ายทุกวัน
โคเระเอดะบอกว่า แฟลตลักษณะนี้ถูกสร้างขึ้นทั่วญี่ปุ่นเมื่อหลายสิบปีก่อน ช่วงที่อสังหาริมทรัพย์กำลังบูม และญี่ปุ่นก็มีนโยบายขยายความเจริญของเมืองและที่อยู่อาศัย เพราะฉะนั้นมันเลยมีอารมณ์รำลึกความหลังอยู่เหมือนกัน เวลาคนดูเห็นแฟลตลักษณะนี้
หนังเรื่องนี้ โคเระเอดะถ่ายทำในเวลาเดียวกับที่เขาทำ Our Little Sister แต่ในขณะที่เรื่องนั้นสร้างจากมังงะ เป็นโลกที่สวยงามในจินตนาการ และเป็นโลกที่เขาไม่คุ้นเคย แต่ After the Storm คือโลกของเขาเอง โลกที่เขาอาศัยอยู่
ชื่อหนังภาษาญี่ปุ่นนั้นมีความหมายแปลตรงๆ ตัวว่า "ลึกเสียยิ่งกว่าทะเล" ซึ่งโคเระเอดะลอกมาจากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง วากาเระ โนะ โยกัง เพลงปี 1987 ของเติ้งลี่จวิน
โคเระเอดะเล่าว่า เติ้งลี่จวิน ร้องเพลงญี่ปุ่นไว้หลายเพลงและได้รับความนิยมมาก บ้านของเขามักจะเปิดเพลงอยู่ตลอดเวลา และเพลงของเติ้งลี่จวินก็เป็นเพลงที่เปิดบ่อย