Movie Guide: WHAT’S FOR DINNER, MOM? กำหนดฉาย 13 เมษายน 2017

พฤหัส ๒๓ มีนาคม ๒๐๑๗ ๑๔:๒๔
" หลังการจากไป ของแม่ ฉันพบบันทึกเมนูอาหาร

บันทึกที่แม่เขียนทุกเรื่องราว บันทึกทุกเมนูโปรด ของลูก ๆ และ ผู้ชายที่เธอรักที่สุดเอาไว้

เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน จน ถึงวันสุดท้าย ของชีวิตแม่ "

นักแสดง ฮารุกะ คินามิ , อิซุมิ ฟุจิโมโตะ , มิชิโกะ คาวาอิ

กำกับการแสดง มิตสึฮิโตะ ชิราฮะ (Kobe Zaiju)

20 ปี หลังการจากไปของแม่ ทาเอะ และ โย เดินทางกลับมาที่บ้านเก่าของพวกเธาซึ่งกำลังจะถูกรื้อถอน เพื่อเก็บของที่แม่เธอสะสมไว้ ทาเอะ พบกล่องสีแดงที่เต็มไปด้วยสูตรอาหาร ที่เขียนด้วยลายมือของแม่ ในสูตรและจดหมายเหล่านี้ บอกเล่าเรื่องราว ความรักระหว่างพ่อกับแม่ การเดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อตามสามีไปใช้ชีวิตที่ไต้หวัน และช่วงเวลาสุดท้ายที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง เมื่ออ่านบันทึกจบ ทาเอะ ตัดสินใจทำตามสิ่งที่บันทึกบอกไว้ เธอเดินทางไปไต้หวันเพื่อติดตามวันเวลาและรำลึกถึงความรักของแม่ที่มีให้เธอ

เจาะใจผู้กำกับ มิตสึฮิโตะ ชิราฮะ

ประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไต้หวันที่เป็นรูปธรรมที่สุดสำหรับผม เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์และอาหารครับ

ตอนอยู่เมืองโกเบ ที่นั่นมีร้านอาหารไต้หวันเก่าๆ หลายร้าน ทุกวันนี้ผมก็ยังไปกินบ่อยๆ เพราะมันมีทั้งร้านที่คุณสามารถทานจุกทานจิกได้ในราคาประหยัด และร้านแนว อิซากายะ หรือร้านเหล้าที่มีอาหารเยอะแยะเสิร์ฟพร้อมเบียร์ เวลาได้กลิ่นของอาหารจีน มันชวนให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและอยากอาหารอยู่เสมอเลย

สำหรับประสบการณ์ด้านหนังของผม เริ่มต้นจากการดู Dust in the Wind ของผู้กำกับ โหวเสี้ยวเฉียน ที่เข้าฉายในญี่ปุ่นเมื่อปี 1989 ทันทีที่ตกหลุมรักหนังเรื่องนั้น ผมก็ตั้งใจจะตามหาหนังไต้หวันมาดูอยู่เสมอ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมพบเจอหนังไต้หวันดีๆ ผมจะชอบเกิดความรู้สึกประทับใจแบบแปลกๆ หนังตัดต่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ปล่อยให้เวลาไหลไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้คนดูไม่รู้สึกเบื่อ และคนดูจะรู้สึกจมจ่อมไปกับเหตุการณ์ในหนังราวกับว่ามันเกิดขึ้นในชีวิตจริง จนสัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจอันดังก้อง ผมยึดหลักการเหล่านี้มาใช้ในการทำหนังโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเมื่อผมมาทำหนังเรื่อง What's For Dinner, Mom? เรื่องนี้เอง

ผมมีความคิดอยากสร้างหนังเกี่ยวกับไต้หวันมานานแล้ว ด้วยความหลงใหลในประเทศนี้ ผมอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะได้อ่านบทความของคุณ ทาเอะ ฮิโตโตะ เรื่อง Watashi no Shanzu และ Moma Gohan Mada? เมื่อผมได้อ่าน ผมได้พบเรื่องราวของชาวญี่ปุ่นและไต้หวัน เรื่องครอบครัว รวมถึงเรื่องของอาหารไต้หวันที่ผมรัก ผมตื่นเต้นมากที่เจองานที่เข้ากับใจความสำคัญในหนังของผม ช่วงเดือนกันยายน 2014 ผมไปหาคุณทาเอะ ฮิโตโตะ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่โตเกียวโดยไม่ได้นัดหมายเธอไว้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ช่วงนั้นผมกำลังทำหนังเรื่อง Kobe Zaiju อยู่ในช่วง Post-Production แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

จู่ๆ ผมก็บอกเขาว่า "ผมอยากเอาผลงานของคุณไปดัดแปลงเป็นหนัง" ซึ่งเธอก็ตอบตกลงทันที ผมจึงเริ่มปั่นบทในช่วงที่กำลังวุ่นอยู่กับ Kobe Zaiju เหตุผลที่งานเขียนของคุณทาเอะ ฮิโตโตะ นั้นลงตัวอย่างดีเพราะคุณทาเอะถือเป็นบุคคลสำคัญของเรื่องนี้ คุณแม่ของเขาก็รู้จักกับคนในเมืองโนโตะ จังหวัดอิชิคาว่า และมีเมืองที่ชื่อว่า 'ฮิโตโตะ' ในเมืองนาคาโมโต้ จังหวัดอิชิคาว่าอีกด้วย แม้ผมจะเคยไปนาคาโมโต้หลายครั้ง แต่ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าครอบครัวของคุณฮิโตโตะมีความเกี่ยวข้องกับเมืองนี้จริงๆ ผมคิดว่าผมสามารถนำประสบการณ์ของตนเองสมัยทำ Noto no Hanayome ในปี 2008 มาใช้ในหนังเรื่องนี้ได้

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 เราไปตามรอยเรื่องราวของคุณฮิโตโตะ ในนาคาโมโต้ เราได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆ คนรวมทั้งท่านผู้ว่าซูกิโมโต้ แล้วยังได้ทุนจากโปรเจ็คงานครบรอบ 10 ปีของเมืองด้วย (Nakanoto 10th Anniversary Project) ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตอนผมกับผู้อำนวยการสร้างบินไปไต้หวัน ด้วยการช่วยเหลือของคุณทาเอะ ฮิโตโตะ เราเลยได้รับการช่วยเหลือจากคนในชุมชนและคนในวงการหนังอีกเยอะมากด้วยครับ

วันหนึ่งขณะอยู่ในสตูดิโอถ่ายหนังชื่อ Modern Film เรากำลังทดลองถ่ายและตัดต่อหนังอยู่ จู่ๆ เราก็ค้นเจอฟุตเตจที่ไม่รู้ว่าเป็นของหนังเรื่องอะไร มันมีทั้งหนังและซีรี่ส์ รวมถึงภาพภูมิประเทศด้วย แต่ถึงจะไม่รู้บริบทของภาพเหล่านี้ ผมยังสัมผัสได้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ 'การเดินทางของกาลเวลา' แบบเดียวกับในหนังไต้หวันที่ผมเคยดู ผมดูฟุตเตจทั้งหมดแล้วจู่ๆ ผมก็สามารถไขปริศนาลึกลับที่ติดอยู่ในหัวผมมานานแสนนาน มันเป็นภาพที่บทกลอนภาษาจีนทับซ้อนกับภาพของชายคนหนึ่งที่อยู่ในท่าเรือ โอ้โห คนไต้หวันช่างมีอารมณ์สุนทรีย์อยู่ในสายเลือด พวกเขาเข้าใจสัจธรรมของกาลเวลา และยังเห็นแจ้งถึงชีวิต มีหนังไต้หวันเรื่องเยี่ยมอย่าง Yuyu ซึ่งสร้างมาจากบทกวีคลาสสิคของจีนซึ่งเต็มไปด้วยแนวคิดปรัชญาด้วย ผมจึงตัดสินใจว่าอยากสร้างหนังเรื่องนี้โดยดึงจุดนั้นมาเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้บ้าง

อาหารไต้หวัน ถือเป็นโครงสร้างที่สำคัญมากในหนังเรื่องนี้

ผมขอคำแนะนำจากเพื่อนผม คุณ O จากสถาบันอาหารสึจิ (Tsuji Culinary Institute) เขาช่วยผมไว้ได้เยอะเลยครับในการทำหนังเรื่องนี้ เขาเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจีนมาให้ และเราก็ร่วมมือการปรุงอาหารจากสูตรของครอบครัวฮิโตโตะขึ้นมา

ขั้นตอนนี้ถือว่าท้าทายมากทีเดียวเพราะในสูตรระบุถึงวัตถุดิบที่หากไม่มีอยู่ในญี่ปุ่น ก็เป็นของที่แพงเอามากๆ คุณ S จากสถาบันอาหารสึจิ มอบรายชื่อวัตถุดิบให้ผมแล้วบอกให้ไปหาที่ไต้หวัน ผมเลยต้องบินไปตะลุยตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตกับทีมงานซึ่งเป็นคนท้องถิ่น ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามากๆ ครับ และมันแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลอันแรงกล้าของชาวไต้หวันที่มีต่ออาหารเหล่านี้

เราเริ่มถ่ายทำหนังในวันที่ 21 มกราคม 2016 ที่เมืองโชฟุ ในโตเกียว ช่วงนั้นมีแดดจ้าทีเดียว ทีมงานในกองถ่ายส่วนใหญ่แล้วอายุน้อยกว่าผมแต่เราก็ร่วมทีมกันได้เข้าขาดี และสามารถถ่ายทำทุกอย่างได้เป็นระเบียบเรียบร้อย

พอเสร็จจากโตเกียว ผมเดินทางไปเมืองไถหนัน ที่ไต้หวันต่อเลย ผมเคยมาบ่อยจึงรู้ว่าที่นี่มีช่วงฤดูร้อนยาวนาน ในหนังสือคู่มือระบุว่า เดือนมกราคมนั้นจะมีบรรยากาศใกล้เคียงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น แต่ว่าตอนนั้นจู่ๆ อากาศหนาวก็เข้าปกคลุมไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี แม้กระทั่งที่ไถหนันก็มีอุณหภูมิอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส แถมโรงแรมที่นี่ก็ไม่มีเครื่องทำความร้อน ทีมงานทุกคนจึงต้องอดทนฟันฝ่าคืนอันยาวนานไปให้ได้

วันที่ 27 มกราคม เราเดินทางจากไถหนันกลับมาคานาซาว่าที่ญี่ปุ่น พอทีมงานไปถึงคานาซาว่าแล้วอุทานออกมาเลยว่า "มันโคตรอุ่นเลย" แล้วตอนเราไปที่นาคาโนโต้ ภารกิจแรกที่เราต้องทำคือเก็บภาพหิมะ ก่อนที่เราจะลงเอยด้วยการได้ภาพของเมืองที่สวยงามมากๆ ครับ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เรากลับไปที่โชฟุอีกครั้ง เราเริ่มถ่ายฉากครัวของบ้านฮิโตโตะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ ทีมงานจากสถาบันอาหารสึจิได้ทีแผลงอิทธิฤทธิ์ พวกเขาจัดสรรพื้นที่ทำครัวเพื่อทำอาหารหลากหลายแบบให้กับหนัง พวกเขาขะมักเขม้นกับการทำขาหมู เกี๊ยว หัวไชเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย มีฉากนึงที่ต้องทำซุปอกไก่ เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว คุณคิมูระของสถาบันสึจิก็ไปซื้อหมี่เตี๊ยวเพื่อเอามารับประทานคู่กับซุป ทุกวันนี้ผมยังไม่ลืมรสชาติของอาหารมื้อนั้นเลย

ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เราต้องใช้เกี๊ยวในปริมาณที่เยอะมาก ทีมกล้องและทีมแสงทำงานได้ดีมาก พวกเขาสามารถขับเน้นให้เห็นภาพของไอร้อนออกมาจากเกี๊ยวได้งดงามมาก

การถ่ายทำเป็นไปอย่างยาวนานจนถึงวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ พวกเราฉลองปิดกล้องด้วยการซดเบียร์พร้อมกับกินเกี๊ยวเป็นกับแกล้มจนอิ่มหนำทีเดียว

ในเมื่อตอนนี้หนังก็ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว ผมจะสามารถแสดงให้คนดูได้เห็นถึง 'ช่วงเวลาอันละเมียดละไมของชีวิต' ได้ไหม? อันนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนดูในการพิสูจน์แล้วล่ะครับ...

อาหารไต้หวันสูตรเด็ดฝีมือแม่

มีอาหารไต้หวันหลายชนิดปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง What's For Dinner, Mom? เราทำงานร่วมกับสถาบันอาหารสึจิ เพื่อทำให้สูตรอาหารที่คุณคาซูเอะ ฮิโตโตะ จดไว้ในสมุดโน้ตกลายเป็นจริงขึ้นมา จะว่าไปทำไมคุณถึงไม่ลองเอาสูตรพวกนี้ไปทำเองบ้างล่ะ?

ขอขอบคุณการสนับสนุนจากคุณ โมโมฮิสะ โอกาว่า, คาสุฮิเดะ สึสึมิ, มิกะ คิมูระ และ มาโกโตะ นากาชิม่า จากสถาบันอาหารสึจิ มา ณ ที่นี้

ขาหมูต้ม (สำหรับ 6 ที่)

วัตถุดิบ

*ขาหมู 3 ขา (ขาละ 430 กรัม)

ซอสถั่วเหลือง 240 มิลลิลิตร

สาเกญี่ปุ่น 200 มิลลิลิตร

น้ำเปล่า 1200 มิลลิลิตร

โป๊ยกั้ก (จันทร์แปดกลีบ) 2 ชิ้น

น้ำมันพืช 30 มิลลิลิตร

เครื่องปรุง

ต้นหอม 1 ต้น (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)

ขิง ฝานบางๆ 60 กรัม

กระเทียม ปอกเปลือกแล้ว 60 กรัม

ขั้นตอนการทำ

1.นำขาหมูมาขัดและล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด ผ่าครึ่งเอาเล็บออก จากนั้นเอาไปต้มเป็นเวลา 20 นาที (เพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์)

2.เทน้ำมันและเครื่องปรุงลงในหม้อแล้วทอดจนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลอ่อน แล้วเติมซอสถั่วเหลืองลงไปเพื่อให้เกิดกลิ่นหอม

3.นำขาหมูลงไปทอดในหม้อในข้อ 2 เป็นเวลาประมาณ 2-3 นาที จากนั้นเติมสาเกญี่ปุ่นและใส่โป๊ยกั๊ก ก่อนนำไปต้มทิ้งไว้ 5 นาที

4.เติมน้ำปริมาณพอสมควรลงไปในข้อ 3 จากนั้นก็ต้มขาหมู ตั้งไฟอ่อนๆ แล้วตุ๋นให้ค่อยๆ เดือด

5.ต้มเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที จากนั้นจึงปิดแก็สแล้วทิ้งไว้อีก 20 นาทีเพื่อให้รสชาติซึมลึกลงไปในขาหมู

*สำหรับเนื้อที่ได้มาจากร้านขายเนื้อเมืองฮิดะ ให้หั่นออกเป็น ¼ ชิ้น

ขนมโมจิหัวไชเท้า

ส่วนผสม

หัวไขเท้า 1500 กรัม 1 หัว

*แป้งข้าวเจ้า หรือแป้งข้าวเหนียว 250 กรัม

น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร

น้ำมันหมู 2 ช้อนโต๊ะ

ของโรยหน้า

กุ้งแห้ง (แช่น้ำแล้ว) 75 กรัม

แฮมจีน หรือ ไส้กรอกซาลามี่ 40 กรัม

เห็ดชิทาเกะแห้ง (แช่น้ำแล้ว) 2 ชิ้น

เครื่องปรุง

เกลือ 7.5 กรัม

เครื่องปรุงรสอูมามิ 3 กรัม

น้ำตาล 10 กรัม

ขั้นตอนการทำ

1.นำหัวไชเท้ามาหั่นครึ่งแล้วฝานเป็นชิ้นเล็กๆ นำอีกครึ่งที่เหลือไปขูดให้บางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2.นำหัวไชเท้าชิ้นเล็กๆ ไปทอดพร้อมใส่น้ำมันหมู 1 ช้อนโต๊ะ นำไปผสมกับหัวไชเท้าที่ขูดจนบางแล้วเคี่ยว จากนั้นนำกากที่ลอยอยู่เหนือน้ำออกไป

3.หากมีน้ำเหลือไม่พอ ให้เติมน้ำไป 100 มิลลิลิตร จากนั้นเคี่ยวจนกว่าจะนุ่มแล้วเติมเครื่องปรุงลงไป

4.นำวัตถุดิบที่หั่นเตรียมไว้นำไปทอดในกระทะพร้อมกับใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะในหม้ออีกใบ จากนั้นนำไปผสมกับข้อ 3

5.ผสมแป้งลงในน้ำ 200 มิลลิลิตร แล้วนำไปใส่ในหม้อในข้อ 4 ขณะที่ยังร้อนแล้วนวดแป้ง

6.นำข้อ 5 ไปพักในถาดอาหาร แล้วนึ่งเป็นเวลา 40 นาที

7.เมื่อข้อ 6 เริ่มเย็น ให้ตัดแบ่งออกมาแล้วนำไปย่างในกระทะ หากว่ามันติดกระทะให้เติมแป้งลงไป

* แป้งข้าวเจ้าที่ระบุไว้คือแป้งจากไต้หวัน ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้แป้งข้าวเหนียวแทน

ขนมบ๊ะจ่างญี่ปุ่น จำนวน 12 ชิ้น (Chimaki)

วัตถุดิบ

ถั่วลิสง (ทั้งแบบที่ปอกและยังไม่ปอกเปลือก) 50 กรัม

ไข่เค็ม (เฉพาะไข่แดง) 6 ฟอง

เกาลัดดิบ หรือเกาลัดเทียนจิน 6 ลูก

ขิง (ฝานบางๆ) 1 ช้อนโต๊ะ

แตงกวาดองไต้หวัน หรือแตงกวาดองเสฉวน 30 กรัม

เม็ดแปะก๊วย (กระป๋อง) 24 ลูก

เห็ดชิทาเกะแห้ง (แช่น้ำแล้ว) 3 ชิ้น

กุ้งแห้ง (แช่น้ำแล้ว) 150 กรัม

หอยเชลล์แห้ง (แช่น้ำแล้ว) 150 กรัม

*หอมเจียว (หอมแดงเจียว) 45 กรัม

เนื้อหมู 3 ชั้น 300 กรัม

แป้งโมจิ 1.2 กิโลกรัม

เครื่องปรุงรสที่ต้องใช้ตอนต้ม

ซอสถั่วเหลือง 6 ช้อนโต๊ะ

น้ำสต็อกไก่ 750 มิลลิลิตร

เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

พริกไทย

ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาล 1 ½ ช้อนโต๊ะ

ผงแปะก๊วย

โชหยุจีน หรือซีอิ๊วญี่ปุ่น ¾ ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

1.ต้มถั่วลิสงในน้ำเกลือ 2% เป็นเวลา 2 ชั่วโมง นำไข่เค็มและลูกเกาลัดดิบมาผ่าครึ่ง ก่อนนำไปต้มในน้ำเกลือ

2.ฝานแตงกวาดองบางๆ ต้มเห็ดชิทาเกะอย่างรวดเร็วแล้วตัดออกเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาด 7 มิลลิเมตร

3.นำเนื้อหมู 3 ชั้นมาหั่นให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาด 1.5 มิลลิเมตร แล้วคลุกกับซอสถั่วเหลืองจนชุ่ม นำไปทอดในน้ำมันที่ร้อน 180 องศา

4.นำเครื่องปรุง (ซอสถั่วเหลืองจนถึงผงแปะก๊วย) ใส่ลงไปในหม้อ แล้วตามด้วยหมู 3 ชั้นจากข้อ 3 เมื่อเนื้อหมูนุ่มแล้วให้ยกออกมาแยกจากน้ำซุป (ต้มให้เหลือปริมาณครึ่งหม้อ)

5.นำขิง หอมแดงเจียว และแตงกวาดองมาทอดในกระทะที่มีน้ำมันหอมระเหย แล้วนำไปใส่ในน้ำซุปข้อ 4 พร้อมกับใส่กุ้งแห้ง หอยเชลล์และเห็ดชิทาเกะแห้ง ต้มด้วยไฟไม่แรงเป็นเวลา 1 นาที จากนั้นค่อยเติม โชหยุจีน หรือซีอิ๊วญี่ปุ่นลงไป

6.นำแป้งโมจิไปหุงในหม้อหุงข้าว เติมน้ำ 470 กรัมผสมกับข้าว 1.7 กิโลกรัมที่แช่ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้ว

7.นำแป้งโมจิมาผสมกับข้อ 4 และ 5

8.นำเปลือกไม้ไผ่มาห่อเกาลัด ไข่เค็ม เม็ดแปะก๊วย ถั่วลิสงเค็ม และเนื้อหมู 3 ชั้น แล้วมัดด้วยเชือก

9.นำไปนึ่งเป็นเวลา 15 นาที ถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

*หอมเจียวที่กล่าวถึง คือหอมแดงเจียวไต้หวัน แต่อาจใช้หอมเจียวธรรมดาแทนก็ได้

ข้าวกล่องซี่โครงหมู (สำหรับ 3 ที่)

วัตถุดิบ

ซี่โครงหมูย่าง (หั่นแต่ละชิ้นบางๆ ชิ้นละ 1 เซนติเมตร) 100 กรัม 3 ชิ้น

ไข่ต้ม (ต้มในน้ำซุปขาหมู) 3 ฟอง

ซุปขาหมู

*เครื่องเคียง

กะหล่ำปลีจีน

แตงกวา

ผักกาดดอง

เครื่องปรุง

ซอสถั่วเหลือง 5 ช้อนโต๊ะ

สาเกญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ

พริกไทยจำนวนหยิบมือ

ผงพะโล้ 5 ½ ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

ต้นหอมและขิง

ส่วนผสมที่เป็นของเหลวข้น

แป้งเทมปุระ 100 กรัม

น้ำเปล่า 60 กรัม

น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ

ขั้นตอนการทำ

1.แยกซี่โครงหมูออกจากกันจากนั้นนำไปแช่กับเครื่องปรุงเป็นเวลา 2 ชั่วโมง

2.นำแป้งเทมปุระ มาผสมกับน้ำและน้ำมัน

3.ทำให้ซี่โครงหมูในข้อ 1 หายชื้นแล้วเติมแป้งลงไป (ไม่ใช่แป้งเทมปุระ 100 กรัมในข้อ 2) จากนั้นนำส่วนผสมในข้อ 2 มาเติมที่ละน้อย แล้วนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อน 170 องศา

4.หั่นผักกาดดองเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่น้ำตาลนิดและซอสถั่วเหลืองหน่อย จากนั้นนำไปผัดแล้วเติมน้ำมันงาลงไป

5.นำไข่ต้มและกะหล่ำปลีจีนไปใส่ไว้จานที่ใส่ข้าว แล้ววางไว้บนข้อ 4 จากนั้นนำซี่โครงหมูมาหั่นแล้วนำไปวางไว้ แล้วเติมน้ำซุปขาหมู เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

* ในหมวดเครื่องเคียง ท่านสามารถใช้ไข่และหัวไชโป๊ หรืออะไรอย่างอื่นแทนก็ได้แล้วแต่ความชื่นชอบส่วนตัวของแต่ละท่าน

เกร็ดภาพยนตร์

1. สร้างจากเรื่องสั้นสุดประทับใจของนักเขียนชื่อดัง ทาเอะ ฮิโตโตะ ฮิโตโตะ เป็นลูกครึ่งไต้หวัน ญี่ปุ่น เธอ มี แม่ เป็นคนญี่ปุ่น มีพ่อเป็นคนไต้หวัน ฮิโตโตะโตที่ไต้หวันจนถึงอายุ 11 เธอย้ายกลับมาญี่ปุ่น และเรื่มต้นอาชีพนักเขียนอย่างจริงจัง งานเขียนที่เธอถนัดคืองานเขียนเรื่องสั้นจากประสบการณ์ชีวิตจริงของเธอ

2. " Sorane "เพลงประกอบภาพยนตร์ แต่งและขับร้องโดย โย ฮิโตโตะ น้องสาวคนสวยของ ทาเอะ

3. โย ฮิโตโตะ คือนักร้องเจ้าของเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เธอเป็นที่จดจำจากการร้องเพลง " Hanamizuki " และคว้ารางวัลนักร้องยอดนิยมมาได้ในการออกอัลบั้มที่ 5และ เพลงของเธอถูกใช้เป็น OST ในภาพยนตร์ดัง อย่าง " Hanamizuki "& " Hana Miso Soup "

ลิงค์ตัวอย่าง SUB THAI

https://youtu.be/KxY_CW7Iqs4

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๓๖ โรงพยาบาลพระรามเก้า คว้ารางวัล Digital Transformation Initiative of the Year 2024 จากเวที Healthcare Asia Awards
๑๒:๐๐ กลับมาอีกครั้งกับงานช้อปอย่างมีสไตล์ รายได้เพื่อชุมชน ครั้งที่ 14 เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชวนมาช้อป ชม ของดี ของเด็ดประจำจังหวัดปทุมธานี ระหว่าง 4 - 10
๑๒:๓๙ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่ กรมพลศึกษา จัดแข่งขันกีฬากระบี่กระบองระหว่างโรงเรียน กิจกรรมสร้างสรรค์เสริมทักษะเยาวชน ส่งเสริม SOFT POWER
๑๑:๑๕ TOA ย้ำแชมป์สีเบอร์หนึ่ง คว้า 2 รางวัลใหญ่ 'สุดยอดองค์กร และแบรนด์สีที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากที่สุด' 13 ปีซ้อน Thailand's Most Admired Company Brand ปี
๑๑:๔๒ ไทยพีบีเอสยกระดับรู้เท่าทันภัยออนไลน์ ผนึกกำลัง 8 หน่วยงาน ป้องกัน-กวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์
๑๑:๕๘ ศิษย์เก่าวิศวฯ SPU กว่า 5 ทศวรรษ ร่วมย้อนวันวานในงาน วิศวฯ คืนถิ่น SEAN HOMECOMING 2024
๑๑:๑๓ เฮงลิสซิ่ง ร่วมสืบสานประเพณีท้องถิ่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2567
๑๑:๔๕ YouTrip สาดความคุ้มต้อนรับสงกรานต์กับ 2 โปรพิเศษ 4.4 Travel Sale และ Japan Mega Cashback รับส่วนลดสุดคุ้มจากแบรนด์ท่องเที่ยวดัง และเงินคืนสูงสุด 2,000
๑๑:๕๒ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.รามคำแหง เชิญเข้าร่วมงานสัมมนาวิชา อนาคตเศรษฐกิจไทย: ยืดหยุ่นและยั่งยืน
๑๑:๑๐ เจแอลแอล ประเทศไทย เผยเทรนด์ ESG ของปี 2567 และเป้าหมายสู่อุตสาหกรรมสีเขียวของวงการอสังหาฯ