เทศกาลภาพยนตร์นานาชาตินอร์ดิก จัดขึ้นโดยความร่วมมือของสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มความนิยมที่มีต่อภาพยนตร์นอร์ดิก ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่มีแนวคิดสร้างสรรค์และคิดค้นสิ่งใหม่ในวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน ทั้งยังช่วยเพิ่มความสนใจที่มีต่อภาพยนตร์ระดับคุณภาพในตลาดภาพยนตร์ของเมืองไทย
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาตินอร์ดิก ปี 2017 นำเสนอภาพยนตร์ที่น่าจับตามองจากกลุ่มประเทศนอร์ดิก 8 เรื่อง จาก 4 ประเทศ นำโดยเรื่อง "Key House Mirror" และ "Second Chance" จากประเทศเดนมาร์ก ด้วยเนื้อหาแนวดราม่าสะเทือนอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นภาพยนตร์ตัวอย่างที่ชัดเจนในการนำเสนอศิลปะภาพยนตร์ที่แตกต่าง และยังถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการพัฒนาวงการผลิตภาพยนตร์ของเดนมาร์ก
"Tale of a Lake" และ "Tale of a Forest" จากประเทศฟินแลนด์ การันตีด้วยรางวัล Best Original Score for a Documentary Feature จากงาน International Film Music Critics Association Award (IFMCA) โดย "Tale of a Forest" คือภาพยนตร์ที่จะพาคุณแง้มประตูสู่ภูมิประเทศอันน่ามหัศจรรย์และสรรพสัตว์ของฟินแลนด์ และ "Tale of a Lake" นำคุณไปสัมผัสกับทะเลสาบที่สวยงามของฟินแลนด์กว่า 2,000 แห่ง ซึ่งเมื่อได้ชมภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้แล้ว คุณอาจจะอยากจองตั๋วเครื่องบินไปท่องเที่ยวที่ฟินแลนด์ในทันที!
ส่วนนอร์เวย์ นำเสนอภาพยนตร์เรื่อง "Operation Arctic" ซึ่งคว้ารางวัล People's Choice Award for Best Feature Film จากงาน TIFF Kids International Film Festival และรางวัล Best Children's or Youth Film จากงาน Amanda Awards และภาพยนตร์เรื่อง "Victoria" คว้ารางวัล Amanda Award สาขา Best Actor in a Supporting Role โดยภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องจะกล่าวถึงสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง นั่นคือการแสวงหาแนวทางการหลุดพ้นจากความเหงาและความสิ้นหวังของมนุษย์ โดยมีฉากหลังเป็นธรรมชาติอันงดงามหลากรูปแบบ
สำหรับประเทศสวีเดนเตรียมฉายภาพยนตร์เรื่อง "A Holy Mess" และ "Eternal Summer" ซึ่งจะบอกเล่ามุมมองความคิดที่แตกต่างในหลากหลายอารมณ์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศ โดยเรื่อง "A Holy Mess" เป็นภาพยนตร์แนวตลกขบขันซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานในปีนี้ กำกับโดยผู้กำกับหญิงฝีมือเยี่ยม ซึ่งทำภาพยนตร์แข่งขันกับผู้ชายในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเท่าเทียม ส่วนเรื่อง "Eternal Summer" เป็นแนวดราม่าเข้มข้น ซึ่งจะทำให้ผู้ชมรู้ว่าเพราะเหตุใดประเทศสวีเดนจึงถูกยกย่องให้เป็นแบบอย่างในด้านความเท่าเทียมทางเพศ