โดยบรรยากาศภายในงานคึกคักกันตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด เพราะมีเหล่าแฟนเพลงมารอกันตั้งแต่ 11 โมง แต่ก็ใช่ว่าจะมารอกันเฉยๆ เพราะภายในงานยังมีบูทขายของศิลปินมาเปิดให้ผู้ที่อยากได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไป หรือใครอยากเช็คดวงกันสักนิดสักหน่อยก็มีบูทดูดวงให้ฟรีๆ อีกด้วย รวมถึงทางผู้จัดงานยังได้จัดเตรียมซุ้มอาหารเอาไว้ให้ทุกคนได้ฝากท้องระหว่างรอชมโชว์ และช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อประตูเปิดให้ทุกคนเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อรอชมดนตรีกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งภายในงานมีการแบ่งเป็น 2 จุดการแสดงด้วยกัน โดยเปิดโชว์แรกที่เวที Crossplay Stage ด้วย Zweed n'roll (สวีท แอนด์ โรว) มาในแบบจังหวะเบาๆ ต่อด้วย SLUR (เสลอ) ขึ้นมาเรียกเหงื่อให้ทุกได้ขยับร่างกายสักเล็กน้อย ต่อด้วย Greasy Cafe (กรีซซี คาเฟ) ที่ทำเอาฮอลล์ดูแคบไปถนัดตาด้วยแฟนเพลงของเขาที่เข้ามาชม ตามมาด้วย Moving and Cut (มูฟวิ่ง แอนด์ คัท), MAX Jenmana (แม็กซ์ เจนมานะ), Phum Viphurit (ภูมิ วิภูริศ) ที่งานนี้เขาทั้งคู่ขอเพิ่มความพิเศษให้โชว์วันนี้ด้วยการแจมกันในเพลง WINE (ไวน์) ที่ออริจินอลเป็นของ แม็กซ์ และภูมิ นำมาทำใหม่ในสไตล์ของเขา ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ อย่างอื้ออึงกันเลยทีเดียว ต่อด้วย Young Bong (ยัง บอง) ที่มาพร้อมพลังความสนุกของวัยรุ่นให้เต้นตามกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นเป็นคิวของ Yellow Fang (เยลโลว์ แฟง) มาพร้อมกับเพลงดังของพวกเขาที่ทุกคนร้องตามกันลั่นฮอลล์, Bomb At Track (บอมบ์ แอท แทร็ค) มาพร้อมกับความเดือดดาลทั้งศิลปิน และผู้ชม ปิดท้ายเวทีนี้ด้วย Srirajah Rockers (ศรีราชา ร็อคเกอร์)
ในส่วนของเวที LEO Stage ก็ได้รับความสนใจจากผู้มาร่วมงานไม่แพ้กัน โดยเปิดเวทีด้วย Safeplanet (เซฟแพลนเน็ท) สนุกแค่ไหนคงไม่ต้องบอกเพราะมีผู้เข้าไปชมจนล้นออกมาทางด้านนอกเลยทีเดียว ตามมาด้วย Electric.Neon.Lamp (อิเล็คทริค นีออน แลมป์), Summerdress (ซัมเมอร์เดรส), The Whitest Crow (เดอะ ไวท์เทสโครว์) และปิดโชว์ด้วย Solitude Is Bliss (โซลลิจูด อิส บลิส) อย่างสวยงาม
งานนี้หากใครที่พลาดความสนุกครั้งนี้ไปก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะทาง ฟังใจ ยังมีงานดีดีแบบนี้ให้ได้ชมอีกเพียบ หรือหากใครอยากชมภาพความสนุกของงาน LEO X Crossplay 3 Festival สามารถ้ข้าไปชมได้ติดตามรายละเอียดที่ https://www.facebook.com/hellofungjai/ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่อๆ ไปในช่องทางนี้เช่นกันจ้า