ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวจะมีการปรับปรุงและตกแต่งโรงแรมเดิม ก่อนเปิดให้บริการ 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงเนปิดอว์ (Naypyitaw) อินเล (Inle) และเมืองตองอู (Taungoo) และพัฒนาโรงแรมใหม่ในเมืองพุกาม (Bagan) และเมืองตานตอง (Than Daung) ได้แก่ เซ็นทารา พุกาม ริเวอร์วิว รีสอร์ทและสปา เซ็นทารา บูทีค คอลเลคชั่น เคทูมาดี ไดนาสตี้ รีสอร์ท พุกาม และเซ็นทารา บูทีค คอลเลคชั่น ชเว ตานตอง รีสอร์ท โดยโรงแรมทั้ง 6 แห่งจะเปิดให้บริการภายใต้ 2 แบรนด์ คือ เซ็นทารา และเซ็นทาราบูทีค คอลเลคชั่น โดยมีโรงแรมที่เตรียมพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้คือ เซ็นทารา พาราไดซ์ ทะเลสาบอินเล รีสอร์ทและสปา
การลงนามในครั้งนี้จะทำให้เซ็นทาราสามารถเข้าถึงตลาดเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์เซ็นทาราในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
"ความร่วมมือกับกลุ่มโรงแรมเคเอ็มเอ นับเป็นก้าวสำคัญของเซ็นทารา" นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวต่อว่า "ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายโรงแรมของเซ็นทาราไปยังประเทศที่มีศักยภาพมหาศาลด้านการท่องเที่ยว และเราตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการด้านท่องเที่ยวในเมียนมาร์ ขณะเดียวกันก็จะได้นำเอาการต้อนรับและบริการที่อบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากลไปเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางที่หลากหลายในเมียนมาร์ ซึ่งชื่นชอบประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่างและมีกลิ่นอายที่ผสมผสานความเป็นไทยและเมียนมาร์อย่างลงตัว"
กลุ่มบริษัทเคเอ็มเอ เป็นบริษัทเอกชนที่ก่อตั้งและดำเนินการโดยประธานอู ขิ่น มอง อัย ซึ่งเป็นประธานธนาคารซีบี กลุ่มบริษัทเคเอ็มเอประกอบด้วยนิติบุคคล 15 แห่งที่ดำเนินงานในหลากหลายอุตสาหกรรม
"เรามีความยินดีที่เซ็นทาราจะนำความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการและแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาสู่เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน 6 แห่งของเมียนมาร์" อู คอง เท็ด ทัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเคเอ็มเอ กล่าว "ที่ผ่านมาเมียนมาร์ได้แสดงให้เห็นว่ามีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่จะเติบโตได้อีก สูงมากและการที่เซ็นทาราได้มาถึงเมียนมาร์ก็นับเป็นก้าวต่อไปที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศนี้"
เมียนมาร์เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยังเป็นประเทศหนึ่งที่มีเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุด ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้อย่างมั่นคงที่อัตราร้อยละ 8.5 ต่อปีจนถึงปี 2568 ซึ่งจะทำให้เมียนมาร์กลายเป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โรงแรมทั้ง 6 แห่งในเมียนมาร์สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเซ็นทาราในการดำเนินกลยุทธ์ขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มรายได้และจำนวนโรงแรมของเครือเซ็นทาราให้เป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ปี ตามที่องค์กรได้ตั้งเป้าไว้ ทั้งยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญของเซ็นทาราในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ การร่วมมือกับกลุ่มโรงแรมเคเอ็มเอ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำครั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยสร้างความก้าวหน้าให้กับวงการการท่องเที่ยวของเมียนมาร์ขึ้นอีกขั้น