นายกิตติพงศ์ กิตติภัสสร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ภายใต้แบรนด์ TWZ เปิดเผยว่า TWZ ยังคงเดินหน้าทำตลาดสมาร์ทโฟนต่อเนื่อง โดยสินค้าที่เป็นไฮไลท์ในช่วงนี้จะอยู่ในกลุ่ม Series T ประกอบด้วย T8 ราคา 1,690 บาทT9 ราคา 2,190 บาท และ T12 ราคา 2,590 บาท ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และเป็นระดับราคาที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยยังคงเน้นความสวยงามและหรูหราของตัวเครื่อง ซึ่งการดีไซน์ตัวเครื่องถือเป็นจุดขายที่สำคัญของสมาร์ทโฟนแบรนด์ TWZ
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ TWZ ยังคงเน้นลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด และไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนระดับโกลบอลแบรนด์ได้ ดังนั้น TWZ จึงเน้นการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชันการใช้งานค่อนข้างครบครัน ในราคาที่ไม่แพงมาก โดยราคาสินค้าที่จำหน่าย มีตั้งแต่ ระดับราคา 990-3,590 บาท ซึ่งจริงๆ แล้ว สินค้าราคาประมาณนี้อาจจะมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป แต่ภายใต้ราคาดังกล่าว ผู้บริโภคจะไม่ได้รับการตอบสนองเรื่องของคุณสมบัติที่ครบครัน สเปคจริง หรือมีการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อย่างถูกต้อง ซึ่ง TWZ สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ และยังมีคุณสมบัติาเพิ่มเติมเรื่องการใช้งานได้ดี และมีบริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกที่มีการชะลอตัว ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชะลอตัวตามไปด้วย แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ก็เชื่อว่า การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยังคงใช้หลักความระมัดระวังสูง ดังนั้น เป้าหมายการขายของ TWZ ในช่วงนี้จึงเน้นรักษายอดขายให้อยู่ในระดับทรงตัว
"เรามองภาวะอุตสาหกรรมเทเลคอมในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จนถึงต้นปีหน้า โดยประเมินจาก 2 ปีที่ผ่านมา ก็จะพบว่า อุตสาหกรรมมีแนวโน้มชะลอตัวมาตลอด เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอลง ทำให้ปริมาณความต้องการโทรศัพท์มือถือในประเทศ จากเดิมมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 1.2 ล้านเครื่องต่อเดือน หรือ 14.4 ล้านเครื่องต่อปี ลดลงถึง 30% ประกอบกับค่าเฉลี่ยราคาเครื่องสมาร์ทโฟน จากเดิมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7,200-9,900 บาท แต่ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของเครื่องสูงขึ้นมาอยู่ที่ 8,500-12,000 บาท และค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ จากเดิมใช้งาน 8-12 เดือนก็เริ่มมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ ปัจจุบันเริ่มใช้ยาวขึ้นเป็น 12-18 เดือน ซึ่งปัจจัยหลักน่าจะมาจากที่เครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีคุณภาพที่ดีขึ้น สามารถใช้งานครอบคลุมความต้องการ ขณะที่เทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนอยู่ในภาวะทรงตัว" นายกิตติพงศ์กล่าว
รองกรรมการผู้จัดการ TWZ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมีการพัฒนาระบบเครือข่าย 5G ที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 และการใช้ e-sim ในสินค้าต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ TWZ จึงจะยังคงพัฒนาสมาร์ทโฟน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูล และใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยมีกำลังซื้อเครื่องเฉลี่ย 2,500-4,000 บาท เพื่อรองรับเทคโนโลยี 4G ทั้ง 2 ซิม ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าจำนวนมากของประเทศไทย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์การทำตลาดด้วยการขยายพาร์ทเนอร์ จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำอย่าง "เอไอเอส" เป็นพันธมิตรหลัก ได้ขยายความร่วมมือไปยังรายอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เสริมหลากหลายแบรนด์ อาทิ Belkin, Avery และล่าสุดคือ Bull Armors โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าของทั้ง 3 แบรนด์ตามช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ ของ TWZ
"จุดเริ่มต้นในการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เนื่องจากที่ผ่านมา TWZ มีช่องทางจำหน่ายสินค้าหลายช่องทาง ทำให้เรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เราจึงพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ด้วยการนำเสนอสินค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าโดยตรงจากทางผู้ผลิต หรือซื้อผ่านช่องทางผู้จัดจำหน่ายในประเทศ เช่น เราได้นำสินค้าของ Belkin เข้ามาจำหน่าย ซึ่งทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีชื่อเสียงมานาน ลูกค้าให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพ ทำให้สินค้าภายใต้การจัดจำหน่ายของ TWZ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น" นายกิตติพงศ์กล่าว