ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกปีนี้ โดยบริษัทฯมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ ( Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท จากโครงการทั้งภาคเอกชนและรัฐ ซึ่งน่าจะทยอยดำเนินการส่งมอบและรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/2563 รวมทั้งบริษัทฯมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของงานฐานรากของภาคเอกชนและหน่วยงานราชการ รวมถึงงานเมกะโปรเจ็กต์ หลังบรรยากาศการลงทุนก่อสร้างในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยงานใหม่ๆ จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี นอกจากนี้งานก่อสร้างภาคเอกชนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะเช่นกัน เนื่องจาก ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเลื่อนการเปิดคอนโดฯ มาเป็นช่วงครึ่งปีหลังแทน โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากภาคเอกชน 70% และงานภาครัฐ 30%
ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมฐานรากปี 2563 บริษัทฯ มองว่าจะเติบโตทั้งอุตสาหกรรม จากโครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐ ได้แก่ โครงการทางด่วนดาวคะนอง-พระราม 3, ทางยกระดับพระราม 2 ,โครงการรถไฟความเร็วสูงไปอีอีซี และโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช เป็นต้น ส่งผลให้ธุรกิจโดยรวมขยายตัว เป็นโอกาสให้ PYLON รับงานจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์เป้าหมาย Backlog ในช่วงต้นปีหน้าจะขยับขึ้นมาแตะ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานสำคัญในอนาคต ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีมูลค่างานเสาเข็มเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาท, สนามบินอู่ตะเภา, โครงการที่บางซื่อ, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมที่จะเข้าไปรับช่วงงานจากผู้รับเหมารายใหญ่
"ปี 2562 บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,436.91 ล้านบาท จากงานในมือที่รอส่งมอบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีโอกาสได้รับงานโครงการใหม่ๆ จากทั้งภาครัฐและเอกชนในปีนี้เข้ามาเสริม ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับ PYLON มีจุดแข็งในเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพในการบริการ โดยสิ่งที่เราพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือบุคลากร ที่จะขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติและสนับสนุนให้บริษัทฯมีผลงานเติบโตแข็งแกร่ง" ดร.ชเนศวร์ กล่าว
ด้านผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในงวด 6 เดือนแรก ปี 2562 ( 1 ม.ค.-สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2562) บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 125.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.29 โดยมีรายได้รวม 690.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 56.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.86 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 634.39 ล้านบาท