นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ จะเร่งเพิ่มยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันผลประกอบการปีนี้กลับมาเป็นบวกได้ จากงวด 6 เดือนแรกที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาท
"เราเชื่อว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา และสถานการณ์เริ่มดีขึ้นในไตรมาส 2/2562 สะท้อนจากผลประกอบการที่ขาดทุนลดลงเหลือเพียง 160,000 บาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผลประกอบการในปีนี้พลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้ง" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตภายในโรงงานให้เป็นระบบออโตเมชั่น เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน ซึ่งส่งผลชัดเจนทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการติดตั้งปรับเป็นระบบออโตเมชั่นแล้วทั้งสิ้น 3 จุด โดยคาดว่าจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5-10 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังได้มีการลงทุนในโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงานของบริษัทฯ ขนาดกำลังการผลิต 999.6 กิโลวัตต์ การติดตั้งครอบคลุมพื้นที่ขนาดประมาณ 5,800 ตารางเมตร โดยสามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 12% ซึ่งการลงทุนข้างต้นนั้นจะสะท้อนถึงต้นทุนที่ลดลง และจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯได้ในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2562 มีรายได้อยู่ที่ 221.13 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.85 ล้านบาท หรือ 13.82% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดขายในกัมพูชา ลาวและมาเลเซีย ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ขาดทุนลดลงเหลือเพียง 0.16 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 ซึ่งขาดทุนถึง 5.02 ล้านบาท