จากผู้เข้ารอบสามบริษัท MINT ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลจากการเข้าซื้อเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ด้วยมูลค่าการลงทุน 2.5 พันล้านยูโร การเข้าซื้อในครั้งนี้เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ MINT และเป็นการลงทุนที่ช่วยเสริมสร้างมูลค่าของ MINT จากราคาที่น่าดึงดูด ความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความหลากหลายทางด้านภูมิศาสตร์ของกลุ่มโรงแรมเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป โดย MINT ประสบความสำเร็จในการต่อสู้เพื่อเข้าซื้อเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปถึงแม้ต้องแข่งกับผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมชั้นนำระดับโลกและกองทุนเอกชนรายอื่น (ซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดที่ใหญ่กว่า MINT) ด้วยสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 94.1 ในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ากิจการต่อ EBITDA (EV/EBITDA) ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธุรกรรมแบบเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม และไม่เสียส่วนเพิ่มเพื่อให้ได้อำนาจควบคุม ทั้งนี้ จากประสบการณ์อันยาวนานทางด้านการควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์ MINT ได้นำกลยุทธ์การควบรวมกิจการที่หลากหลายและเหมาะสมมาปรับใช้ในการลงทุนที่มีความซับซ้อน ซึ่งรวมถึง การซื้อสะสมหลักทรัพย์ผ่านตลาดทุน การเจรจาซื้อหุ้น block trade จากผู้ขายบางราย การตกลงเข้าทำสัญญาซื้อขายอย่างมีเงื่อนไข การทำคำเสนอซื้อ รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ถือหุ้นของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปและเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป โดยการปรับใช้กลยุทธ์ทั้งหลายดังกล่าวอย่างรวดเร็วและคล่องตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ MINT ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อดังกล่าว
รางวัล Hot.E's Merger & Acquisition/Portfolio of the Year ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อให้การยอมรับบริษัทที่มีการลงทุนในธุรกิจโรงแรมในทวีปยุโรปที่มีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าซื้อกิจการที่มีอำนาจควบคุมในกลุ่มโรงแรม บริษัท หรือนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของแบรนด์ในทวีปยุโรป ซึ่งรางวัลดังกล่าวจะถูกมอบให้กับบริษัทที่มีข้อเสนอที่โด่ดเด่นที่สุดและมีความผันแปรสูงที่สุด ซึ่งทุกบริษัทในอุตสาหกรรมสามารถเสนอชื่อเพื่อเป็นผู้เข้าชิงรางวัลดังกล่าวได้ โดยคณะกรรมการในอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในอุตสาหกรรมการโรงแรมและผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้เข้ารอบสามบริษัท และผู้ชนะจะถูกคัดเลือกจากผลการโหวตจากตัวแทนของ Hot.E
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการของ MINT กล่าวว่า "บริษัทมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับการยอมรับในความพยายามของบริษัทในการเข้าซื้อเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปในครั้งนี้ โครงสร้างองค์กรของบริษัทที่มีความคล่องตัว ส่งผลให้บริษัทมีการประเมินความเสี่ยง การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของกิจการ กระบวนการอนุมัติและการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือคู่แข่ง" นายวิลเลี่ยมได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "การลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปช่วยขยายฐานธุรกิจของบริษัทไปในระดับสากล และช่วยเสริมสร้างธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่เดิมของบริษัทเป็นอย่างมาก โดย MINT ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เพื่อสร้างฐานการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้น เพื่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต"
"บริษัทมีความภูมิใจเป็นอย่างมากกับการลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ด้วยกลยุทธ์ จังหวะเวลา และความคล่องแคล่วว่องไวของบริษัทที่เหนือกว่า ทำให้บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งที่สนใจที่จะเข้าลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปในครั้งนี้" นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ MINT และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าว "การรวมฐานการดำเนินงานของ MINT และ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของทั้งสองบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น การขายและเช่ากลับโรงแรมทิโวลีสามแห่งในประเทศโปรตุเกส และการเปิดตัวโรงแรมอนันตรา วิลล่า ปาเดียร์นา พาเลซ เบนาอาวีส์ มาร์เบลลา รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมอนันตราแห่งแรกในประเทศสเปน ซึ่งทั้งสองตัวอย่างดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์จากความชำนาญและเครือข่ายของทั้ง MINT และเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป นอกจากนี้ บริษัทจะยังมีโอกาสสำหรับความร่วมมือเช่นนี้อีกมากมายเพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ซึ่งรวมถึงลูกค้าของทั้งสองบริษัทในอนาคต"
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท: บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ MINT ดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีท ทั้งสิ้น 523 แห่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้าอนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช โฮเทลส์นาว, เอเลวาน่า, แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส, เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใน 53 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ MINT เป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีร้านอาหารกว่า 2,200 สาขา ใน 27 ประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง, ไทย เอ็กซ์เพรส, เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์ และเบนิฮานา อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และรับจ้างผลิต ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้าอเนลโล่, โบเดิ้ม, บอสสินี่, บรูคส์ บราเธอร์ส, ชาร์ล แอนด์ คีธ, เอสปรี, เอแตม, โจเซฟ โจเซฟ, โอวีเอส, แรทลีย์, เซฟ มาย แบค, สโกมาดิ, สวิลลิ่ง เจ. เอ. เฮ็งเคิลส์ และไมเนอร์ สมาร์ท คิดส์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minor.com