ปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนต้องจัดทำและส่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปีต่อสำนักงาน ได้แก่ (1) แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ส่งภายใน 3 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี และ (2) รายงานประจำปี (แบบ 56-2) ส่งไม่ช้ากว่าวันที่ส่งให้ผู้ถือหุ้นแต่ไม่เกิน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นสุด รอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งทั้ง 2 แบบรายงานมีสาระสำคัญใกล้เคียงกัน ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะรวมให้เป็นรายงานเดียวและปรับปรุงให้มีความกระชับขึ้น โดยกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องนำส่งต่อ ก.ล.ต. ภายใน 3 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี รวมถึงการปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียน ให้สะท้อนถึงการส่งเสริมด้านธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในกระบวนการทางธุรกิจ (ESG in-process) ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ One Report เป็นผลสืบเนื่องจากที่ ก.ล.ต. ได้ประกาศจะสานต่อนโยบายก่อนหน้าร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการแถลงร่วมของ 2 หน่วยงาน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระในการติดต่อให้กับผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ เพื่อให้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (filing) ของบริษัทที่ประสงค์จะเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน (ทั้งบริษัทไทยและบริษัทต่างประเทศ) มีความสอดคล้องกับแบบ 56-1 One report ที่ต้องจัดทำเมื่อเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว จึงจะกำหนดให้ One report เป็นส่วนหนึ่งของแบบ filing ด้วย และเพื่อให้บริษัทจดทะเบียนและที่ปรึกษาทางการเงินมีเวลาในการเตรียมตัว ก.ล.ต. จึงเสนอให้ใช้ One report สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของแบบ filing ที่ยื่นในปี 2565 เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ก.ล.ต. ได้จัดงานสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นในเรื่องดังกล่าว ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก โดยมีผู้ร่วมสัมมนาประมาณ 600 คน จากบริษัทจดทะเบียน ที่ปรึกษาทางการเงิน นักลงทุนสถาบัน องค์กรและสมาคมที่เกี่ยวข้อง โดยผู้เข้าร่วมงานสัมมนาเห็นว่า การรวมแบบเหลือเพียงรายงานเดียวจะเป็นประโยชน์หากข้อมูลที่อยู่แบบ One report มีความกระชับ ลดทอนรายละเอียด โดยคงเหลือแต่ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้น
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/hearing) จึงขอเชิญผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจ ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2263-6099 หรือทาง e-mail ที่ [email protected] จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562