STI เนื้อหอมเข้าตาโบรกฯ แย้มปี 63 โตแรงหลังซื้อกิจการสำเร็จ โบรกฯ เคาะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 7.46 บาท

จันทร์ ๐๘ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๕:๒๖
สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI งบสวยสุขภาพดี แถมกำไรโตเด่น จากแผนเข้าซื้อกิจการสำเร็จ และยังเทรดที่ P/E ต่ำ สร้างความสนใจให้นักวิเคราะห์ยกเป็นอีกหุ้นคุณภาพ แย้ม จับตา Q2/63 งบโตกระโดด ขณะที่ SG&A ต่อยอดขายมีแนวโน้มลดลงจากการประหยัดต่อขนาด เป้ารายได้ปีนี้โตแรงถึง 80% ตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท หนุนผลงานสดใสไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า โบรกฯ แนะซื้อ โดย บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส ให้ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 7.46 บาท
STI เนื้อหอมเข้าตาโบรกฯ แย้มปี 63 โตแรงหลังซื้อกิจการสำเร็จ โบรกฯ เคาะ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 7.46 บาท

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กลุ่มผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น หลังจากเข้าซื้อหุ้น บริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC แล้วเสร็จ และจะเริ่มนำผลการดำเนินงานของ AEC เข้ามาในผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ สนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และการขยายไปสู่งานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มากขึ้นในอนาคต จากเดิมลักษณะงานส่วนใหญ่ของ STI อยู่ในกลุ่มงานโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชน จึงนับเป็นการกระจายความเสี่ยง และการขยายการเติบโตสู่งานโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น 80% จากการซื้อกิจการสำเร็จ และงานในมือ (Backlog) ของ STI ล่าสุดอยู่ที่ 1,941 ล้านบาท ในขณะที่ Backlog ของ AEC อยู่ที่ 2,781 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของทั้งสองบริษัทก่อนซื้อกิจการที่ 700 - 800 ล้านบาท และหากมาย้อนดูผลการดำเนินงานของ STI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็สามารถสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย มีการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสม่ำเสมอ รวมไปถึงอัตราการจ่ายปันผลในปี 2562 ที่ผ่านมา อยู่ในระดับสูงถึง 70% จากนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ วางไว้ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% จึงมองว่า เมื่อผลประกอบการอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ก็คาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่องได้

"เรามองว่าดีลในครั้งนี้ เป็นดีลใหญ่แห่งปีของบริษัท และในวงการที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างก็ว่าได้ ด้วย 2 บริษัทที่มีจุดแข็งในหลายๆ เรื่อง และประสบการณ์ในวงการราว 40 ปี จะสามารถพัฒนาและต่อยอดการเติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยในช่วงหลังจากนี้ STI จะดึงความเป็นมาตรฐานของ AEC นำกลับมาพัฒนาบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ AEC ได้บุคคลากรของ STI เข้ามาเสริมทัพ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ลดลง และสนับสนุนผลการเติบโตของ STI ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ให้เติบโตก้าวกระโดด

และหากมองงานในมือของ STI ก็สามารถทำผลงานได้ดี โดยอยู่ระหว่างคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C กระบวนการอยู่ในช่วงเสาเข็มแล้วเสร็จ และเริ่มงานใต้ดิน ในส่วนนี้การรับรู้รายได้ก็จะเข้ามามากขึ้น งานปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ก็จะเริ่มงานใต้ดินเช่นกัน งานโครงการพัฒนาพื้นที่หมอน 33 จะเริ่มเปิดก่อสร้างปลายปีนี้ รวมทั้ง งานใหม่ๆ ที่ STI ได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปบริหารควบคุมการก่อสร้างเพิ่มเติม ทั้งกลุ่ม โรงพยาบาล และงานโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังเดินหน้า เพราะฉะนั้น งานปลายปีเรามั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องสดใสแน่นอน จึงขอฝากถึงนักลงทุนและผู้ถือหุ้น พวกเราทำงานอย่างมืออาชีพ และความตั้งใจที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือ มั่นใจได้ว่า STI จะสามารถเติบโตสดใสไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า และยังคงนโยบายการจ่ายปันผลที่ดี ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ" นายสมเกียรติ กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ STI โตก้าวกระโดดจากแผนการซื้อกิจการ 63.75% ของ AEC จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ในขณะที่กำไรไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ได้ควบรวม AEC เข้ามา บริษัทก็สามารถทำกำไรได้เติบโตสูงโดยตัวของบริษัทเองอยู่แล้ว +49.6%YoY และ +26.8%QoQ การควบรวมกิจการ ยิ่งทำให้ผลประกอบการออกมาเติบโตโดดเด่น แม้ว่าจะยังควบรวมไม่เต็มไตรมาสและมีค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาในไตรมาสนี้ สำหรับงานในมือ (Backlog) ของทั้งสองบริษัทอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้ ของทั้งสองบริษัทก่อนซื้อกิจการที่ระดับ 7-8 ร้อยล้านบาทต่อปี ลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวไปได้อีก 2-3 ปี

มอง AEC ช่วยสร้างเสถียรภาพรายได้ลดความเสี่ยงงานเอกชน บริษัท STI เป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ปกติบริษัทมีรายได้จากภาคเอกชนในสัดส่วนที่สูง 80%-90% มาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไตรมาสล่าสุด งานภาคเอกชนเริ่มลดลงคิดเป็นเพียง 62.53% ถือว่าลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 86.11% หลังจากรับรู้งานศูนย์ราชการโซน C เข้ามา ซึ่งการควบรวมกิจการของ AEC ที่มีงานทั้งหมดเป็นของภาครัฐ จะส่งผลให้รายได้ภาคเอกชนของบริษัทปรับลดมาอยู่ในระดับครึ่งหนึ่งหรือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและงานภาคเอกชนที่ชะลอตัวในส่วนของงานคอนโด ในขณะที่งานของ AEC เป็นวิศวกรที่ปรึกษาโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้า 3 สนามบิน งานพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 รถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนน จิระ ช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้บริษัทโดยรวมจากงานภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

จึงปรับประมาณกำไรขึ้นอีกจากการลด SG&A ลง เหลือ 19.6% ต่อยอดขาย จากการประหยัดต่อขนาดและได้ประโยชน์จากการซื้อกิจการ ซึ่งสอดคล้องกับไตรมาส 1 ที่สัดส่วนนี้อยู่ในระดับต่ำเพียง 15.6% ซึ่งการที่ AEC เป็นบริษัทนอกตลาดที่มีรายได้ใกล้เคียงกับบริษัท แต่อัตรากำไรสุทธิต่ำกว่ามาก โดยปีล่าสุดอัตรากำไรสุทธิ AEC อยู่ที่เพียง 6.3% ในขณะที่ STI มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.7% ส่งผลให้บริษัทสามารถปรับปรุงเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร ให้อัตรากำไรสุทธิทยอยเพิ่มขึ้นได้ และอาจใกล้เคียงบริษัท ซึ่งหากทำได้สำเร็จถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ประเมินกำไรสุทธิในปีนี้เพิ่มขึ้น 56.3% และปีหน้า 61.3% จากการควบรวมกิจการ AEC ในขณะที่ต้นทุนในการซื้อ AEC ไม่สูง เป็นการใช้เงินทุนที่เข้าระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ 135 ล้านบาท และเงินกู้140 ล้านบาท โดยมีเพียงดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี ถือว่าคุ้มค่ากับกำไรที่เพิ่มในอนาคตค่อนข้างมาก คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 7.46 บาท จากเดิม 5.90 บาท โดยอ้างอิงกับ P/E ที่ 15 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตปีนี้ที่ 56.3% และปีหน้าที่ 61.3% ค่อนข้างมาก และราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง 10.5 เท่าในปีนี้ ยังไม่รับรู้การเติบโตของกำไรที่มีแนวโน้มดี ราคานี้มีส่วนเพิ่มจากราคาปิด 43% คงคำแนะนำซื้อ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา