อ.ส.ค.แกร่งท้าชนวิกฤติโควิด-19 ปีนี้ปักธงคว้ามาได้อีกรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 6 ปีซ้อน

อังคาร ๑๗ พฤศจิกายน ๒๐๒๐ ๑๕:๑๔

"อ.ส.ค." เฮ คว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 6 ปีซ้อน โดยปี63 กวาด 2รางวัลจาก"สคร." มาครอง "รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น" และ "รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น" พร้อมประกาศเดินหน้า พัฒนาคน พัฒนาองค์กรก้าวสู่ "องค์กรที่เป็นศูนย์กลางการบริหารอุตสาหกรรมโคนมของประเทศและผู้นำอุตสาหกรรมนมระดับอาเซียนในทุกมิติ

อ.ส.ค.แกร่งท้าชนวิกฤติโควิด-19 ปีนี้ปักธงคว้ามาได้อีกรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 6 ปีซ้อน

นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ตลอดปี 2563ที่ผ่านมา อ.ส.ค. ภายใต้การกำกับดูแลของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งขับเคลื่อนองค์กรและมุ่งมั่นบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลก้าวสู่ยุคใหม่ ทันสมัยและความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคลให้ได้มาตรฐานและมีขีดสมรรถนะสูงพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0ภายใต้ยุทธศาสตร์อ.ส.ค.ระยะ 20ปี เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็น "องค์กรที่เป็นศูนย์กลางการบริหารอุตสาหกรรมโคนมของประเทศ" และผู้นำอุตสาหกรรมนมระดับอาเซียน

ส่งผลให้ อ.ส.ค. สามารถคว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด "รัฐวิสาหกิจร่วมใจ ไทยปลอดภัยเข้มแข็ง : STAY SAFE AND STORNG TOGETHER" ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลังในปีนี้ได้ถึง 2 รางวัล คือ รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น รับมอบโดย นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานคณะกรรมการ อ.ส.ค. และรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น รับมอบโดย ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้อำนวยการ อ.ส.ค. โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบครั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น และรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่นที่ได้รับในปีนี้ถือเป็น 2 รางวัลแห่งประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจของ อ.ส.ค. ที่เกิดจากความมุ่งมั่นพยายามของ อ.ส.ค. และพนักงานทุกคนในการพัฒนาองค์กรและตัวเองจนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น สำหรับ "รางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น" คณะกรรมการได้พิจารณาจากแนวโน้มของความยั่งยืนในการพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ อาทิ แนวทางการบริหารองค์กรรูปแบบใหม่ การพัฒนา Productivity Ratio หรือประสิทธิภาพการผลิตและการเพิ่มผลผลิต และการนำThailand 4.0 มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสม เป็นต้น ส่วนรางวัล "ผู้นำองค์กรดีเด่น" คณะกรรมการพิจารณาจากผลประกอบการตามภารกิจ และผลประกอบการทางการเงิน และการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือที่ทำให้สามารถพัฒนาองค์กรได้ รวมทั้งการให้ความสำคัญและการดำเนินการด้าน CG, CSR ของผู้นำเพื่อพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน เป็นต้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อ.ส.ค. ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประเภทรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ 2 ปีซ้อนมาแล้ว คือในปี 2558 และปี 2559 และจากการเดินหน้าพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปีที่ 2560 ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านพัฒนาองค์กรดีเด่นในภาพรวม และปี2561 ได้รับ 2 รางวัลคือรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และรางวัลความร่วมมือเพื่อการพัฒนาดีเด่น ด้านการยกระดับการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นความร่วมมือในโครงการพี่เลี้ยงระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และ อ.ส.ค. ส่วนปี 2562 คว้ารางวัล ประเภท พัฒนาองค์กรดีเด่นด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล3

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า 2รางวัล ประจำปี 2563 ที่ทาง อ.ส.ค. ได้รับ ดังกล่าวถือเป็นความภาคภูมิใจของพนักงาน อ.ส.ค. เป็นอย่างมากและถือเป็นขวัญกำลังใจสำคัญในการที่ อ.ส.ค. จะเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาองค์กรให้แข่งแกร่งทางด้านธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมการพัฒนาอุตสาหกรรมนมไทยให้เป็นที่ยอมรับและเป็นอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนคู่สังคมไทย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในการส่งเสริมและสืบสานสืบสานโคนมอาชีพพระราชปณิธานให้คงอยู่กับคนไทยตลอดกาล รวมทั้งสร้างแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คให้เป็นที่ยอมรับและครองใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง (HPO) ด้วยหลักธรรมาภิบาลตลอดไป

"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในปี 2563 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกประเภทรวมทั้งอุตสาหกรรมนมอย่างมาก แต่อ.ส.ค. ก็สามารถฝ่าวิกฤตินำพาองค์กรและผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ครอดพ้นมาได้ โดยการปรับแผนส่งเสริมการขายและการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เศรษฐกิจและสถานการณ์การแข่งขันมากขึ้น เช่น หันมาขายผ่านระบบ E-commerce หรือตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยไป เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดและขยายอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งในและต่างประเทศในอนาคต" โดยปัจจุบัน อ.ส.ค. เป็นผู้นำกลุ่มเจเนอรัล มิลค์ โดยครองสัดส่วนทางการตลาดอยู่ประมาณร้อยละ 49 ดังนั้น อ.ส.ค. จึงต้องเร่งปรับแผนกลยุทธ์เพื่อขยายตลาด และเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ตลอดจนศึกษาและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจและบริโภคนมกันมากขึ้น รวมทั้งวางเป้าหมายทำรายได้ให้เข้าเป้าตามแผนรัฐวิสาหกิจระยะ 5 ปีซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2564 ที่กำหนดยอดขายไว้ที่ 12,000 ล้านบาท อีกทั้งเร่งขับเคลื่อนแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คก้าวสู่ นมแห่งชาติในปี 2565 (Being 'National Milk by 2022) รวมทั้งเพื่อตอกย้ำการเป็น "Value Proposition" อันแข็งแกร่งของแบรนด์ไทย-เดนมาร์ค นั่นคือ ผลิตจากนมโคสดแท้ 100%

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4