อันดับเครดิต “BBB+” ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารสะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ดังกล่าว โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระคืน ไม่สะสมผลตอบแทน มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และสามารถไถ่ถอนโดยธนาคารได้หลังจาก 5 ปี นับจากวันที่ออกตราสาร และไถ่ถอนได้ทุกๆ 6 เดือนหลังจากนั้น ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับการชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร โดยธนาคารจะไม่มีภาระผูกพันในการจ่ายดอกเบี้ยในกรณีที่ธนาคารคาดว่าจะไม่มีผลกำไรในงวดบัญชี 6 เดือนซึ่งเป็นช่วงเดียวกับกำหนดระยะเวลาการจ่ายดอกเบี้ยนั้น ทั้งนี้ การไม่จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคาร
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าธนาคารทหารไทยจะปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนความสามารถในการทำกำไร และสภาพคล่องได้ในระยะปานกลาง การสนับสนุนจาก ING Bank คาดว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติงาน ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างรายได้ที่แน่นอนในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม การบรรลุผลสำเร็จตามแผนธุรกิจ 3 ปีภายใต้การบริหารของคณะผู้บริหารชุดใหม่ยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ เดือนธันวาคม 2551 ธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ลำดับที่ 6 ของไทยเมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของเงินให้สินเชื่อ 7% และเงินฝาก 7% ผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร ณ วันที่ 9 มีนาคม 2552 ได้แก่ กลุ่ม ING Bank และกระทรวงการคลังซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 30.1% และ 26.1% ของหุ้นทั้งหมดตามลำดับ ผลประกอบการของธนาคารในปี 2551 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2550 โดยธนาคารรายงานผลกำไร 424 ล้านบาทในปี 2551 จากที่ขาดทุนสูงถึง 43.67 พันล้านบาทในปี 2550 ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับ 16.3% ในปี 2551 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2550 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของธนาคารพาณิชย์ 12 แห่งซึ่งอยู่ที่ 6.9% อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน รวมทั้งยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 0.9 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัย
จะสูญ ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.8 เท่า แสดงให้เห็นถึงเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับขาดทุนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้จากความเสี่ยงในอนาคต ธนาคารมีแผนในการขายหนี้เสียจำนวนประมาณ 3 พันล้านบาทภายในครึ่งหลังของปี 2552 ซึ่งจะทำให้คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของธนาคารดีขึ้น
ผู้บริหารในตำแหน่งที่สำคัญของธนาคารซึ่งได้แก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยง (CRO) และประธานกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ (Head of Retail Banking) ได้รับการแต่งตั้งโดย ING Bank ส่วนกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ได้รับการแต่งตั้งโดยความเห็นชอบร่วมกันของกระทรวงการคลัง และ ING Bank ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ได้รับแต่งตั้งในเดือนกรกฎาคม 2551 และคณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารได้รับการแต่งตั้งครบทั้งคณะในเดือนมีนาคม 2552 โดยคณะผู้บริหารทั้งหมดเป็นที่รู้จักในวงการธนาคารและต่างมีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้บริหารระดับอาวุโสจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มาก่อน ภารกิจสำคัญในปี 2552 คือการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยง การจัดโครงสร้างทรัพยากรบุคคลใหม่ รวมถึงการปฏิรูปสาขาและขยายช่องทางการให้บริการ ทั้งนี้ คณะผู้บริหารใหม่จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และขยายฐานสินทรัพย์ที่ทำกำไรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ทริสเรทติ้งกล่าว
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TMB153A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
หมายเหตุ: ธนาคารทหารไทยถือหุ้น 15.30% ใน บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้น 99.99% ในทริสเรทติ้ง