สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำเดือนมกราคม 2554

พุธ ๐๙ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๑ ๑๕:๕๘
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 ปิดที่ 964.10 จุด ปรับตัวลดลง 6.65% จากสิ้นปี 2553 สาเหตุสำคัญจากผู้ลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในปี 2553 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) และเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา การลดลงของราคาหลักทรัพย์ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ลดลงมาอยู่ที่ 7,811,177 ล้านบาท และอัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 ปรับลดลงเป็น 11.48 เท่าจาก 14.55 เท่า ณ สิ้นปี 2553 อย่างไรก็ตาม มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันของ SET และ mai เพิ่มขึ้นเป็น 36,003.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 89.23% จากเดือนมกราคม 2553 และเพิ่มขึ้น 12.06% จากเดือนก่อน สำหรับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในตลาดอนุพันธ์เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะ Gold Futures ขนาด 10 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,925 สัญญา ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขาย

ในเดือนมกราคม 2554 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงตั้งแต่ปลายสัปดาห์แรกของการซื้อขาย โดยปิดที่ระดับ 964.10 จุด ปรับตัวลดลง 6.65% จากสิ้นปี 2553 เนื่องจากผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งเดือนมีมูลค่าขายสุทธิ 28,680 ล้านบาท หรือประมาณ 35% ของมูลค่าซื้อสุทธิในปี 2553 ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ระดับ 265.12 จุด ปรับตัวลดลง 2.60% จากสิ้นปี 2553 สำหรับดัชนีหลักทรัพย์รายอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงทุกกลุ่มเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ ปรับตัวลดลงมากกว่าการลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในจำนวนนี้ดัชนีหลักทรัพย์ของกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมปรับลดลงมากที่สุดถึง 16.06% ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าว อยู่ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่ดัชนีหลักทรัพย์ของกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในปีที่ผ่านมา

ราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของ SET และ mai ปรับลดลง โดย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ SET มีมูลค่า 7,811,177 ล้านบาท ลดลง 6.28% จากสิ้นปี 2553 ขณะที่ของ mai อยู่ที่ 54,149 ล้านบาท ลดลง 1.78% จากสิ้นปี 2553 นอกจากนี้ อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 ปรับลดลงเป็น 11.48 เท่าจาก 14.55 เท่า ณ สิ้นปี 2553 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) ของ SET และ mai ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยอยู่ที่ระดับ 3.82% และ 4.33% ตามลำดับ

มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันในเดือนมกราคม 2554 ของ SET และ mai อยู่ที่ 36,003.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.23% จากเดือนมกราคม 2553 และเพิ่มขึ้น 12.06% จากเดือนก่อน โดยผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิด้วยมูลค่า 28,680 ล้านบาท และมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขาย 25.11% ของมูลค่าซื้อขายรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2553 ที่ 18.40% ขณะที่ผู้ลงทุนบุคคลเปลี่ยนฐานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 35,889.95 ล้านบาท หลังขายสุทธินาน 3 เดือน ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553

หากพิจารณาตามหมวดอุตสาหกรรมพบว่าสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดธนาคารเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับหมวดอื่น โดยเพิ่มจาก 15.09% ในเดือนก่อน เป็น 22.16% ของมูลค่าซื้อขายรวม นอกจากนี้ หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าซื้อขายแยกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ในเดือนมกราคม 2554 พบว่าผู้ลงทุนสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด 10 อันดับแรก เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 42.06% ของมูลค่าซื้อขายรวม จาก 31.19% ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดธนาคาร และหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค

สำหรับตลาดอนุพันธ์ในเดือนมกราคม 2554 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวม 26,573 สัญญา เพิ่มขึ้น 22.40% จากเดือนก่อนซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากทุกผลิตภัณฑ์หลัก โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันของ Gold Futures ขนาด 10 บาท เพิ่มขึ้น 44.87% ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขาย ตามด้วย SET50 Index Futures ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันปรับเพิ่มขึ้น 24.44% จากเดือนก่อน

การระดมทุนในรูปตราสารทุนในเดือนมกราคม 2554 ของบริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนทั้งหมด 1,307.72 ล้านบาท โดยการระดมทุนในตลาดแรกมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนเข้าใหม่ 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) มูลค่าระดมทุน 4,094 ล้านบาท ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรอง 9,214 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสตรี (STA) มูลค่าระดมทุน 8,120 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจยางพาราและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/setresearch/ หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222

สื่อมวลชน ติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0 2229 2036 /วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร 0 2229 2797 /อรสิริ บุญแต้ม 0 2229 2799

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest