กองทุนนี้ ไม่กำหนดอายุโครงการ แต่หากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.8000 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 108 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสด ทั้งหมดในสกุลเงินบาท ณ วันทำการใด บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นใดที่บริษัทจัดการเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนภายใน5 วันทำการ
ทั้งนี้ หากภายใน8 เดือน นับจากวันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน มูลค่าหน่วยลงทุนปรับตัวขึ้นไปไม่ถึง 10.80 บาทตามที่ได้กำหนดไว้ บริษัทจะเปิดให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ ตั้งแต่เวลาเปิดทำการถึง 15.30 น. โดยจะเริ่มจากสัปดาห์แรกถัดจากวันครบระยะเวลา 8 เดือน เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัย บลจ. กรุงไทย รายงานว่า ภาวะการลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีฯมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือน ต.ค. หลังจากมีความชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ ขณะเดียวกันน่าจะได้เห็นมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากหลายๆประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกในประเทศ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยให้อุปสงค์ในประเทศในปี 2554-55 เพิ่มขึ้นรองรับความเสี่ยงการชะลอตัวของการส่งออก
อีกทั้งในปัจจุบันดัชนีฯอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยซื้อขายที่ค่า PER ของผลการดำเนินงานปี 2554-55 ที่ประมาณ 10 และ 9 เท่า ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับปี 2554-55 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.6-5.0% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังมีความแข็งแกร่งโดยสิ้นปี 2553 บริษัทจดทะเบียนของไทยที่ไม่รวมสถาบันการเงินมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งเพราะมี D/E Ratio ไม่เกิน 1 เท่า และผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยฝ่ายวิจัย คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรสุทธิเติบโต 12% ในปี 2555 ทั้งนี้ยังไม่รวมผลจากนโยบายการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐบาลที่คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 1 ( KTFIX6M1 ) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2554 โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี