ภาวะตลาดทองคำวันนี้

จันทร์ ๑๗ ตุลาคม ๒๐๑๑ ๑๓:๕๙
ข้อมูลทองคำวันนี้

- ราคาสมาคม เปิดที่ 24,400-24,500

- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,681.5

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.72-30.75

- GFV11 Hi- Low 24,630-24,380 ปิดที่ 24,580

Gold & Silver Insight

สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX

ส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยาน 14.5 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 50.6 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 32.173 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังจากที่สหรัฐเผยยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าก็หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโ จนส์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 166.36 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 11,644.49 จุด สำหรับทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น 4% นับว่าปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 20.92 จุด หรือ 1.74% แตะที่ 1,224.58 จุด สำหรับตลอดสัปดาห์ดัชนีทะยานกว่า 6% ถือว่าขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2552 ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 47.61 จุด หรือ 1.82% แตะที่ 2,667.85 จุด สำหรับตลอดสัปดาห์ดัชนีทะยานกว่า 7% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกสหรัฐและผลประกอบการของกูเกิลที่แข็งแกร่งเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX

ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 2.57 ดอลลาร์ หรือ 3.05% ปิดที่ 86.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน สำหรับทั้งสัปดาห์สัญญาปรับเพิ่มขึ้น 3.82 ดอลลาร์ หรือ 4.60% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด ซึ่งช่วยคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย รวมถึงจากข่าวที่ว่ากลุ่มจี20 อาจเสนอแผนใหม่ในการรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป

กองทุน SPDR Gold Trust

กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 17 ตุลาคม ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1227.51ตัน

USD/EU

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากมีการคาดหมายว่าบรรดาผู้นำยุโรปใกล้ประกาศแผนจัดการวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งบวกและลบปะปนกัน เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.74% เมื่อเทียบดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3876 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3774 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดี โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.3856 ดอลล่าร์ต่อยูโร

USD/JPY

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ 0.48% เมื่อเทียบเยน ที่ระดับ 77.210 เยนต่อดอลล่าร์ จาก 76.840 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 77.240เยนต่อดอลลาร์

USD/THB

ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 30.80-30.83 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.72-30.75บาทต่อดอลล่าร์

ข่าวเศรษฐกิจโลก

- นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนก.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณการผลิตสินค้าในโรงงานอยู่ในระดับทรงตัว นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.สถานการณ์ด้านเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มทุเลาลง ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่า อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เฟดเปลี่ยนเป้าหมายจากการควบคุมเงินเฟ้อ ไปเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการต่างๆ ตั้งแต่การใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงมาตรการ Operation Twist

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ประเทศเอเชียอาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ พร้อมกับแนะนำให้เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายของประเทศเอเชียติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกอย่างใกล้ชิด รายงาน "แนวโน้มเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (REO) สำหรับเอเชียแปซิฟิก" ครั้งล่าสุดของไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความอ่อนแอของอุปสงค์ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภายในประเทศยังคงมีการขยายตัวได้ดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเอเชียให้สามารถขยายตัวในอัตรา 6.3% ในปีนี้ และ 6.7% ในปีหน้า แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังต่ำกว่าที่ไอเอ็มเอฟประมาณการไว้ในเดือนเม.ย.

- กระทรวงพาณิชย์จีนเผยข้อมูลล่าสุดจากยูโรสแตทชี้ว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีนและสหภาพยุโรปหรืออียูในเดือนก.ค.อยู่ที่ 3.56 หมื่นล้านยูโร หรือ 4.94 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีนแซงหน้าสหรัฐขี้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอียู มูลค่าการค้าโดยรวมระหว่างจีนและอียูในเดือนก.ค.นั้น สูงกว่ามูลค่าการค้าระหว่างอียูและสหรัฐ 800 ล้านยูโร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 13.4% ของการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดในภูมิภาค อย่างไรก็ดี การค้าระดับทวิภาคีในเดือนก.ค.นั้น หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยร่วงลง 0.8% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอียู โดยมูลค่าการส่งออกของอียูไปยังจีนนั้น อยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอัตราการขยายตัวของการส่งออกทั้งหมดของอียูที่ 4.1% อียูได้นำเข้าสินค้าของจีนมูลค่า 2.39 หมื่นล้านยูโร ลดลง 6.2% จากระดับปีที่แล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๓๘ โอซีซี มอบฝาขวดน้ำ เพื่อทำเก้าอี้ให้น้อง ๆ ในโรงเรียนขาดแคลน
๑๑:๑๘ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดศูนย์ทดสอบหลักสูตร CISA ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๑๑:๓๕ 'ราชบุรี มีลาย' อนุรักษ์มรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ชูอัตลักษณ์ 'ลายผ้าราชาบุรี (กาบโอ่งนกคู่) รองผู้ว่าฯ เมืองโอ่ง
๑๑:๕๓ พีทีที สเตชั่น ร่วมกับ ทิพยประกันภัย มอบความสะดวกและรวดเร็ว ซื้อประกันภัยผ่าน QR Code
๑๑:๐๙ FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
๑๐:๑๙ รมว.อว. เป็นประธานเปิดบูธนิทรรศการผลงาน @ Thai Pavilion พร้อมให้กำลังใจนักประดิษฐ์ไทย นำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวา ครั้งที่
๑๐:๔๖ BRIDGESTONE TURANZA T005 EV ยางพรีเมียมสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เหนือระดับด้วยเทคโนโลยี ENLITEN(R)ได้รับเลือกเป็นยางล้อมาตรฐานติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ MG4 XPOWER
๐๙:๑๔ อพท. เปิดรับสมัคร สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน เพื่อพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ชิงเงินรางวัลกว่า 130,000
๐๙:๔๑ หนังสือ Royal Thai Cuisine ตำรับอาหารไทยชาววัง วิทยาลัยดุสิตธานี
๑๘ เม.ย. เด็ก ม.กรุงเทพ ยกทีม คว้าชนะเลิศครีเอทคลิปสั้นได้ใจฟูมาก