อันดับเครดิตของบริษัทฯ สะท้อนถึงการที่บริษัทฯดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ และมีกระบวนการกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงโดยมีต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง การพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่องและการเพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงช่วยทำให้บริษัทฯสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างกันในฐานะโรงกลั่นน้ำมันหลักของกลุ่มปตท. (ปัจจุบันฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของปตท.ที่ระดับ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเครดิตของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่ได้เพิ่มอันดับเครดิต (rating uplift) จากอันดับเครดิตของบริษัทฯจากการที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่โดยถือหุ้นอยู่ร้อยละ 49.1 และความเชื่อมโยงในระดับปานกลางของทั้งสองบริษัท
นอกจากนี้การที่บริษัทฯมีสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตอะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ยังเป็นการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์น้ำมันและลดความผันผวนของส่วนต่างของรายได้กับต้นทุน ในขณะเดียวกันการเข้าไปดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความผันผวนของการสร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจการกลั่นน้ำมัน แม้ว่าปัจจุบันกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะมีสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่ก็ตาม
อันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนวัฏจักรของธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้บริษัทฯยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวและพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการที่บริษัทฯมีการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมส่วนใหญ่ให้กับปตท. (ร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยประมาณในปี 2554) ได้ถูกบรรเทาลงจากการที่ปตท.มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง