ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,704 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,695เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.60บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,650 บาท กับ 24,750 บาท และกลับมาปิดที่ 24,600 บาท กับ 24,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,683 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,972 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 46 คู่สัญญา ปริมาณการซื้อขาย Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 4% Silver Futures เพิ่มขึ้น 3% GFJ12 ปิดที่ 24,810 บาท เและ GFM12 ปิดที่ 25,020บาท และ GF10J12 ปิดที่ 24,820 บาท และ GF10M12 ปิดที่ 25,000บาท SVJ 12 ปิดที่ 1,019
สัญญา Comex ปิดลดลง 5.6 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1694.2 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 16.8 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.58 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำที่ 1,293.26 ตัน ขายออก 0.41 ตัน น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 37 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 106.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 217.97 จุด ปิดที่ระดับ 13,177.68 จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.45 ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมเมื่อวานนี้พร้อมกับยืนยันว่า เฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3)
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายช่วงท้ายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.59% แตะที่ 1.3076 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3153 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.41% แตะที่ 1.5700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5636 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.970 เยน จากระดับ 82.260 เยน และพุ่งขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9235 ฟรังค์ จากระดับ 0.9164 ฟรังค์
- เฟด เปิดเผยว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง จากทั้งหมด 19 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ซึ่งธนาคารที่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึงเจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ ส่วนธนาคาร 4 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารเม็ทไลฟ์ การทดสอบภาวะวิกฤติในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะประเมินว่าธนาคารเหล่านี้มีฐานเงินทุนมากพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยหรือไม่ โดยเฟดระบุว่า ระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่า ภาคธนาคารมีความสามารถในการปล่อยเงินกู้และยังสามารถดำเนินการตามกฎข้อบังคับด้านการเงินต่อไปได้ แม้ในขณะที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม
- อิตาลีประมูลขายตั๋วเงินคลังได้ 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.574 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยมีอัตราผลตอบแทนลดลงผลตอบแทนตั๋วเงินคลังอายุ 12 เดือนปรับตัวลงสู่ระดับ 1.4% ในการประมูลขายวงเงิน 8.5 พันล้านยูโร หลังจากที่มีอัตราผลตอบแทนที่ 2.23% ในการประมูลขายในเดือนก่อน ส่วนตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนมีการระดมทุนได้ 3.5 พันล้านยูโร โดยมีผลตอบแทนที่ 0.492% เทียบกับ 1.8% ในการประมูลครั้งก่อน โดยมีความต้องการสูงกว่าจำนวนที่เปิดประมูลอยู่กว่า 2 เท่า ต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลงดังกล่าวสะท้อนถึงแรงกดดันที่ผ่อนคลายลงต่ออิตาลี
- กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีการปรับทบทวนจากเดิมที่ 0.4% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากยอดขายรถยนต์และสินค้าอื่นๆที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่มากขึ้น
- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปได้เรียกร้องให้ธนาคารและรัฐบาลใช้ความพยายามมากที่สุดเพื่อแก้วิกฤตหนี้ ขณะที่นายดรากีก็พยายามหาทางที่จะทำให้ธนาคารกลางยุโรปสามารถทำหน้าที่หลักในการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องเสถียรภาพของราคา นายดรากีกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงปารีสเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายมองเห็นถึงสัญญาณของเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ และธนาคารต่างๆควรที่จะใช้โอกาสนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น ตลอดจนคงระดับรายได้ ลดการจ่ายผลตอบแทนและโบนัส ระบบการเงินควรจะตอบสนองเศรษฐกิจ
- นายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ กล่าวเตือนว่า มาตรการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงและเป็นเพียงการซื้อเวลาในการจัดการกับต้นตอของวิกฤติหนี้ภูมิภาค เพราะฉะนั้นอีซีบีต้องเริ่มหาแนวทางที่จะถอนมาตรการต่างๆที่มีจุดประสงค์ในการแก้วิกฤต
- บริษัทแมนพาวเวอร์ กรุ๊ป เปิดเผยผลสำรวจพบว่า แนวโน้มการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึง สหรัฐ โดยผู้แสวงหางานทำใน 23 ประเทศจาก 41 ประเทศในการสำรวจ ต่างแสดงความคาดหวังว่า จะสามารถหางานทำในไตรมาส 2 ในอัตราที่รวดเร็วกว่าในไตรมาสแรก ขณะที่แนวโน้มย่ำแย่ลงใน 11 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกรีซ สเปน และอิตาลี ซึ่งนายจ้างในประเทศเหล่านี้คาดว่า จะมีการลดตำแหน่งงานลงมากกว่าเพิ่มตำแหน่งงาน เมื่อพิจารณาจากประเทศทั่วโลก ประเทศที่มีแผนการจ้างงานมากที่สุดอยู่ในอินเดีย ซึ่งนายจ้างเกือบ 6 ใน 10 ในภาคบริการในอินเดีย จะว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่แผนการจ้างงานในจีนซบเซามากกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน
- Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.7% คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.8% ตัวเลขจริงออกมาดีขึ้นจากเดิมที่ 0.9%
- Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.1% ตัวเลขจริงออกมาดีขึ้นจากเดิมที่ 1.1%
- Business Inventories m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4% คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.5% ตัวเลขจริงออกมาดีขึ้นจากเดิมที่ 0.7%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้
- Current Account ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -110B คาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ -114B
- Import Prices m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 0.6%
- Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.8M คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 2.2M
- Fed Chairman Bernanke แถลงการณ์ (อเมริกา)
ราคาทองคำเข้าสู่ขาลงให้พิจารณาทำกำไรในทิศทางขาลง
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำแกว่งตัวในทิศทางSideway down ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และการที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุดแนวรับบริเวณ 1695 เหรียญ ในตอนเย็นถือเป็นสัญญาณไม่ค่อยดีนักทางเทคนิค และเมื่อราคายังหลุดแนวรับที่สองที่ระดับ 1685 เหรียญ จึงถือได้ว่าทองคำกำลังเข้าสู่ทิศทางขาลงในระยะสั้น การแกว่งตัวของราคาทองคำจะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์ว่าเป็น Sideway down ไม่สามารถผ่าน 1710 เหรียญได้ในช่วงสามวันที่ผ่านมา โดยเป็นการแกว่งตัวในทิศทางสลับขึ้นและลง โดยที่ยังเห็นการถือครองของ SPDR คงที่ แต่ก็ไม่ได้บอกประเด็นอะไร ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาดูจะดีขึ้นอย่างช้าๆ ดังจะเห็นได้จากตัวเลขเมื่อคืนปรับตัวดีขึ้น จึงเป็นผลทำให้มีการปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงค่ำคืนเมื่อวาน โดยที่ในช่วงต้นแกว่งลงไปแล้วสามารถดีดกลับได้ในท้ายตลาด Comex แต่หลังจากที่ตลาดค่อนข้างจะรับรู้เรื่อง QE3 ก็ดูจะกลับมาตกลงไปใหม่และทำให้เช้าวันนี้ราคาทองคำถูกกดต่ำมาอยู่บริเวณ 1676 เหรียญ โดยเมื่อคืนทำต่ำสุดบริเวณประมาณ 1662 เหรียญโดยประมาณในตลาดอิเลคทรอนิกส์
Gold Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,600บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,850 บาท
Gold Futures M12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,750 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,050 บาท
Silver Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 980 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,040 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในทิศทางการแกว่งตัวในกรอบ 1665-1685 เหรียญ แนะนำให้เก็งกำไรในทิศทางขาลง โดยให้ขายบริเวณแนวต้านและช้อนซื้อกลับ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
เป็นการขายลดพอร์ตตามที่ได้กล่าวไว้ในการบริหารความเสี่ยง ให้ลดพอร์ตลงเป็น 0 % ให้ขายทำกำไรหรือตัดขาดทุนออกไป ซึ่งควรเป็นStop Loss บริเวณ 1690 เหรียญ
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ลดการถือครองพอร์ตลงเหลือ 20 % หาจังหวะในการลดพอร์ตในจังหวะที่รีบาวด์ขึ้นมา
สรุปได้ว่า ราคาทองคำกำลังเข้าสู่แนวโน้มขาลงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลดพอร์ตและพยายามทำกำไรในทิศทางขาลง
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง