กสิกรไทยรุกคืบอาเซียน จับมือกับธนาคารเวียดนามชั้นนำ รองรับการลงทุนไทยในเวียดนาม

ธนาคารกสิกรไทยสร้างเครือข่ายบริการ เตรียมรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมืออกริแบงก์ (AGRIBANK) ธนาคารเวียดนามชั้นนำที่มีสาขามากที่สุด เข้าเป็นพันธมิตรเพิ่มเติม ตั้งเป้าเป็นพาร์ทเนอร์กับธนาคารท้องถิ่น ได้ครบ 9 ประเทศ สร้างเครือข่ายบริการสาขาบริการได้กว่า 5,000 สาขา ทั่วอาเซียน ภายในปี 2555 นี้

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกสิกรไทยมีแนวทางการขยายเครือข่ายการให้บริการเพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยการสร้างพันธมิตรและต่อยอดทางธุรกิจผ่านความร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ รองรับการเปิดเสรีการค้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ธนาคาร ฯ จึงเดินหน้าประสานความร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นชั้นนำประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีประเทศเวียดนาม เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายลำดับต้น ๆ ในอาเซียน ที่ธนาคารกสิกรไทยจะต้องเข้าไปวางรากฐานการให้บริการที่เข้มแข็งและครอบคลุมทั่วถึง เพื่อรองรับปริมาณการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในประเทศเวียดนามที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น วัสดุก่อสร้าง อาหาร และพลังงาน

จากเป้าหมายดังกล่าว ในปี 2554 ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเวียตตินแบงก์ (VietinBank) เป็นแห่งแรก โดยเวียตตินแบงก์เป็นธนาคารที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี การบริหารจัดการ โดยเฉพาะด้านธุรกรรมต่างประเทศ และมีความชำนาญในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เป็นธนาคารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีที่ผ่านมา เวียตตินแบงก์เป็นธนาคารที่มีผลกำไรสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศเวียดนาม

เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการในประเทศเวียดนาม ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย จับมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารในเวียดนามเพิ่มอีกเป็นแห่งที่สอง คือ Vietnam Bank for Agriculture and Rural Development หรืออกริแบงก์ (AGRIBANK) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศเวียดนามที่มีรัฐบาลเวียดนามเป็นผู้ถือหุ้น 100% จุดแข็งสำคัญของอกริแบงก์ คือ เครือข่ายสาขาที่มีจำนวนกว่า 2,300 สาขา มากที่สุดในเวียดนาม ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ มีพนักงานผู้ให้บริการกว่า 37,500 คน นอกจากนี้ อกริแบงก์ยังเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความชำนาญในอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นพิเศษอีกด้วย

การจับมือกับธนาคารชั้นนำอันดับที่หนึ่งและสองของประเทศเวียดนามในครั้งนี้ นับเป็นการรวมจุดแข็งของทั้งสองธนาคารมาให้แก่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย ให้ได้รับการบริการทางการเงินที่ครบวงจร พร้อมเครือข่ายบริการสาขาที่ครอบคลุม โดยธนาคารกสิกรไทยได้มีการทำข้อตกลงกรอบความร่วมมือกับอกริแบงก์และเวียตตินแบงก์ ใน 3 เรื่อง คือ เรื่องการร่วมกันให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยในประเทศเวียดนาม เช่น การบริหารบัญชี การทำธุรกรรมในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้สินเชื่อ เรื่องการให้คำแนะนำทางธุรกิจแก่ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย เช่น ข้อมูลเรื่องการค้าการแข่งขันในตลาด กฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าธนาคาร ฯ สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และเรื่องการร่วมกันจัดกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างกัน เช่น การจัดสัมมนา การจัดงานจับคู่ธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนพนักงานระหว่างกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับประโยชน์จากศักยภาพของธนาคารพันธมิตรสูงสุด

นายทรงพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศเวียดนามเป็นประเทศอาเซียนที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ทั้งด้านการค้า การลงทุน และตลาดกำลังซื้อสูง เนื่องจากประเทศนี้มีการเติบโตสูงต่อเนื่องมาหลายปี รวมทั้งเป็นตลาดการลงทุนที่มีศักยภาพ ด้วยต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำกว่าประเทศไทย ประกอบกับปริมาณแรงงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศเวียดนาม ติดอยู่ในสิบอันดับแรก โดยพื้นที่ที่นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนส่วนมากจะอยู่ในภาคใต้ของประเทศ ทั้งในโฮจิมินห์และจังหวัดใกล้เคียงเนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและการคมนาคมขนส่งที่สะดวก

ในส่วนภาคกลางของเวียดนาม เมืองดานัง ถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภาคนี้เนื่องจากมีท่าเรือขนาดใหญ่ และ ที่ตั้งที่ได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ ในแง่ของการขนส่ง เนื่องจากมีที่ตั้งถนน R9 ซึ่งเชื่อมต่อตั้งแต่ประเทศไทยที่จังหวัดมุกดาหาร ลาว และเวียดนาม โดยสามารถเดินทางจากประเทศไทยถึงเวียดนามได้ภายใน 1 วัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนในอนาคต ขณะที่ภาคเหนือของเวียดนามถือว่าเป็นส่วนรวมศูนย์กลางราชการของประเทศ และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของธนาคารชั้นนำของประเทศ ซึ่งรวมถึงธนาคารพันธมิตรของธนาคารกสิกรไทยทั้งสองแห่ง ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคม ASEAN ในปี 2558 จำนวนบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนามรวมถึงปริมาณการค้าจะมีจำนวนมากขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับความคืบหน้าในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในอาเซียนโดยรวม ณ ปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยได้เข้าเป็นพันธมิตรกับธนาคารท้องถิ่นในอาเซียน 7 แห่ง ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาขาบริการ รวม 1,316 สาขา ประเทศสิงคโปร์ สาขาบริการ 26 สาขา ประเทศลาว สาขาบริการรวม 21 สาขา และในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีสาขาของเวียตตินแบงก์ (VietinBank) และอกริแบงก์ (AGRIBANK) จำนวนรวมกันราว 3,400 สาขา พร้อมตั้งเป้าหมายจะมีพันธมิตรธนาคารท้องถิ่นครบทั้ง 9 ประเทศ ภายในปี 2555 นี้ สร้างเครือข่ายสาขาบริการรวมกว่า 5,000 สาขา ทั่วอาเซียน

นายทรงพล กล่าวตอนท้ายว่า ประโยชน์สำคัญของการใช้กลยุทธ์การเข้าเป็นพันธมิตรกับธนาคารในท้องถิ่นนี้ ที่มีต่อธนาคารกสิกรไทยคือ ธนาคาร ฯ ไม่ต้องลงทุนเรื่องการจัดตั้งสาขาและการลงทุนในทรัพยากรคนเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ประโยชน์ต่อลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนในต่างแดน ที่จะสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก เพราะธนาคารพันธมิตรท้องถิ่นมีเครือข่ายสาขาบริการที่ทั่วถึง มีพนักงานที่ชำนาญการพร้อมให้บริการทันที ขณะเดียวกันธนาคารท้องถิ่นผู้ให้บริการก็เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในระบบการทำงาน สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม ในประเทศนั้น ๆ เป็นอย่างดี จึงสามารถให้ข้อมูลและคำแนะนำที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของลูกค้าธนาคาร ฯ รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมระหว่างธนาคารกสิกรไทยและธนาคารพันธมิตรที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของลูกค้าทั้งสองฝ่ายให้เติบโตต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับนอกเหนือไปจากการให้บริการทางการเงินอีกด้วย