กลุ่มธุรกิจอาหารแปรรูป เป็นปัจจัยที่หนุนการลงทุนในกลุ่มอาหาร เนื่องจาก เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มต่อยอดมูลค่าสินค้าเกษตร ที่เป็นจุดแข็งของไทย รวมถึงการเปิดตลาด AEC โอกาสของอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยเฉพาะอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-eat :RTE) จากฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 600 ล้านคน รวมถึงความได้เปรียบด้านวัตถุดิบและด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอีกด้วย
ปัจจุบันตลาดอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (Ready-to-eat :RTE) มีมูลค่าตลาดรวม 6.5-7.5 พันล้านบาท อัตราการเข้าถึงผู้บริโภคต่อครัวเรือนของอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานมีเพียง 10% แต่แนวโน้มตลาดยังเติบโตต่อเนื่องคาดรวม 15-20% ต่อปี ปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้การเติบโตของอาหารพร้อมรับประทานคือ ช่องทางโมเดริน์เทรดที่ขยายตัว โดยเฉพาะคอนวีเนี่ยนสโตร์ที่ขยายเพิ่มขึ้น อาจทำให้ตลาด RTE เติบโตขึ้น 2 เท่าใน 2-3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในวันที่ 20-26 มีนาคม 2556 บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 77( KTSUPB77 ) อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank , Bank of China , ECP ค้ำประกันโดย ABER Bank และ Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้ /ตั๋วแลกเงิน ของสถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี
พร้อมกันนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน6 (KTSIV6M6) เสนอขายถึงวันที่ 22 มีนาคม 2556 อายุ 6 เดือน เป็นกองทุนประเภท Roll Over เน้นลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงิน ของธนาคาร RHB และ LHB ในสัดส่วน 43.48 %ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน 56.52% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80%ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ประเภท 6 เดือนอยู่ระหว่าง 1.95 — 2.80 % ต่อปี