“ซุปเปอร์ ไซเคิล”ยังคงอยู่: การเติบโตของประเทศตลาดเกิดใหม่คือกุญแจสำคัญ

พฤหัส ๑๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๓ ๑๕:๐๔
- รายงานสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดล่าสุดพยากรณ์ว่ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะมีส่วนแบ่งจีดีพีโลกเพิ่มขึ้นเป็น 63% ภายในปี 2030

- 70% การเติบโตของเศรษฐกิจโลก จากปัจจุบันจนถึงปี 2030 จะมาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

เมื่อสามปีก่อนรายงาน “ซุปเปอร์ไซเคิล” หรือ “วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่” ของทีมวิจัยเศรษฐกิจธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดระบุว่า โลกกำลังอยู่ใน “วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่” เทียบเคียงได้กับช่วงปี ค.ศ. 1870 - 1913 และ 1946 - 73 ซึ่งมีการพัฒนาเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วผิดปกติ

วันนี้เรายังยืนตามความเห็นดังกล่าว เศรษฐกิจขาขึ้นรอบใหญ่ของโลกโดยรวมส่วนใหญ่แล้วยังไม่ได้รับผลกระทบและเราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับเฉลี่ย 3.5% ในช่วงปี 2000 - 2030 ซึ่งอยู่เหนืออัตราการเติบโตที่ 3.0% เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้ โดยมีแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของทศวรรษนี้ เราคาดว่าจีนจะเป็นนำหน้าการปฏิรูป ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราเฉลี่ย 7% ระหว่างปี 2013 - 2020 และจากการปรับสมดุลโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ จะทำให้การเติบโตยั่งยืนที่ระดับ 5.3% ระหว่างปี 2021 - 2030

ขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย แอฟริกาและอเมริกากลางอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายจากจำนวนประชาการที่เพิ่มขึ้น ชนชั้นกลางที่ขยายตัวขึ้นและการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนแบ่งจีดีพีของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเพิ่มขึ้นไปเป็น 63% ของจีดีพีโลกภายในปี 2030 จาก ระดับ 38% ในปัจจุบัน ขนาดที่เพิ่มขึ้นของประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเหล่านี้คือปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ครั้งนี้

ในเวลาเดียวกัน การค้าโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของปัจจุบัน ไปอยู่ที่ระดับ 75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐโดยมีแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าระหว่างภูมิภาคและข้อตกลงการค้าทวิภาคี ตลอดจนผลกระทบของโลกาภิวัฒน์และอินเตอร์เน็ต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น

ในรายงานเมื่อปี 2010 ของเรา ได้ให้นิยามคำว่า “ซุปเปอร์ไซเคิล” “หมายถึงช่วงเวลาการเติบในระดับโลกที่สูงอย่างเป็นประวัติการณ์นานเท่ากับชั่วอายุคน หรือมากกว่านั้น โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการเปิดตลาดใหม่ การค้าที่เพิ่มขึ้นและอัตราการลงทุนสูงการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองและนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี”

แม้จะมีข้อสงสัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และความรุนแรงของวิกฤตยูโรโซน รายงานใหม่ล่าสุดของเราชี้ว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับพอประมาณจะช่วยกระตุ้นการเติบโตให้ฟื้นขึ้นได้ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย ไนจีเรียและบราซิล

ขนาดความเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่คือปัจจัยหลักในการเอื้อให้เกิดแรงส่งที่มีผลต่อการเติบโตของโลก ตัวอย่างเช่นประเทศที่มีอัตราการเติบโตเกิน 4% ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ปัจจุบัน รวมกันแล้วเท่ากับ 37% ของจีดีพีโลก เพิ่มขึ้น 20% จากปี 1989 ส่วนแบ่งจีดีพีของประเทศเหล่านี้จะขึ้นไปถึง 56% ภายในปี 2030 ตามการพยากรณ์ที่ปรับล่าสุด การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเป็น 2 ใน 5 ของจีดีพีโลกภายในปี 2030

รายงานเศรษฐกิจล่าสุดจองเรายังคาดการณ์ว่า

- 70% การเติบโตของเศรษฐกิจโลก จากปัจจุบันจนถึงปี 2030 จะมาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

- จีนจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2022 (ต่างจากเดิมที่พยากรณ์ไว้ที่ปี 2020) ล้ำหน้าเศรษฐกิจสหรัฐ แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรยังคงน้อยกว่าสหรัฐ 1 ใน 3 ชี้ให้เห็นว่ายังมีช่องให้การเติบโตได้มากขึ้น

- การค้าระหว่างประเทศในแถบซีกโลกใต้ (หรือการค้าระหว่างกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่) มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ของการค้าโลกในปี 2030 เพิ่มขึ้น 18% จากปัจจุบัน

- ส่วนใหญ่ของประชากร 1,100 ล้านคนที่เพิ่มขึ้นภายในปี 2030 จะอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยมีประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาเป็นตัวนำ ผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ในขณะเดียวกัน ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตทางการเงินปี 2008 - 09 ตามประมาณการที่ปรับใหม่นี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะมีแรงส่งในการฟื้นตัวได้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยภาคเอกชนส่วนใหญ่จะฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่ง คาดว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกจะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 2.8% จากปี 2013 - 2020 และที่ 2.5% ในทศวรรษหลังจากนั้น

มร. จอห์น คัลเวอร์ลีย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคระดับโลกของกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมามีการมองโลกในแง่ ร้ายมากเกินไปเกี่ยวกับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ มีความกังวลกันมากเกินเหตุในเรื่องกับดักรายได้ปานกลาง การก่อหนี้สินเกินตัวของเอเชีย รูปแบบการเติบโตที่ ‘ขาดตอน’ และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เราลดระดับการพยากรณ์สำหรับการเติบโตในระยะยาวของจีน อินเดีย และยุโรป แต่ในกรณีของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ ยังคงเหมือนเดิม การปฏิรูปที่ประสบความสำเร็จจะมีความสำคัญอย่่างยิ่งต่อประเทศเหล่านี้ในการทำให้ศักยภาพที่จะไล่ตามได้ทันกลายเป็นจริงขึ้นมา”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?