ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท “บ. ไทยคม” ที่ระดับ “A-/Stable”

พุธ ๓๐ กรกฎาคม ๒๐๑๔ ๐๙:๓๕
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปลงทุนในดาวเทียมไทยคม 7 และใช้ชำระเงินกู้เดิม อันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย จำนวนความจุช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้นจากดาวเทียมดวงใหม่ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ตลอดจนความต้องการใช้บริการดาวเทียมภายในประเทศไทยและในประเทศเพื่อนบ้านที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ รวมถึงกฎระเบียบที่ซับซ้อนในธุรกิจสื่อสารดาวเทียม และค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนก้อนใหญ่สำหรับการลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินงานที่แข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันให้ต้องปรับลดลงหากระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับเกินกว่า 50%

บริษัทไทยคมก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 บริษัทมี บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ณ เดือนเมษายน 2557 ที่ 41% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 3 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 2 ดวง คือ ไทยคม 5 และไทยคม 6 และดาวเทียมบรอดแบนด์ 1 ดวง คือ ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ และยังลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศลาว ตลอดจนธุรกิจการให้บริการสื่อด้วย ในปี 2556 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 7,896 ล้านบาท เติบโต 9% จากปี 2555 และอยู่ที่ 2,374 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาอนุญาตให้ดำเนินการ) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 โดยรายได้จากดาวเทียมแบบทั่วไปคิดเป็นสัดส่วน 43% ของรายได้รวมในปี 2556 ในขณะที่ดาวเทียมไอพีสตาร์สร้างรายได้ประมาณ 45% ฐานลูกค้าดาวเทียมทั่วไปของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนฐานลูกค้าดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และจีน

สถานะที่แข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทได้รับแรงหนุนจากลักษณะของธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าได้ยาก โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การมีตำแหน่งวงโคจรที่จำกัด เงินลงทุนที่สูง และขั้นตอนของกฎระเบียบที่ซับซ้อน โดยรายได้จากธุรกิจดาวเทียมส่วนใหญ่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าระยะเวลา 3-10 ปี โอกาสการเติบโตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเติบโตของธุรกิจกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศรวมทั้งธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

หลังจากดาวเทียมไทยคม 6 ถูกปล่อยสู่วงโคจรในเดือนมกราคม 2557 จำนวนช่องโทรทัศน์บนดาวเทียมของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็น 667 ช่อง ณ ปลายเดือนมีนาคม 2557 เปรียบเทียบกับ 465 ช่องในปี 2556 และ 427 ช่องในปี 2554 คาดว่าความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมสำหรับธุรกิจการกระจายเสียงและแพร่ภาพออกอากาศในประเทศไทยจะยังคงแข็งแกร่งซึ่งได้รับแรงหนุนจากหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) และช่องโทรทัศน์ที่มีความละเอียดสูง (High-definition -- HD) ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีมูลค่างานจากการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไป (รายได้ที่จะรับรู้ในอนาคตตามสัญญาที่มีอยู่) จำนวน 632 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 20,000 ล้านบาท บริษัทวางแผนจะปล่อยดาวเทียมดวงใหม่ คือ ดาวเทียมไทยคม 7 สู่วงโคจรในช่วงกลางปี 2557 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทขายช่องรับส่งสัญญาณดาวเทียมไทยคม 7 ล่วงหน้าได้ประมาณ 40% ของความจุทั้งหมดของดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทยังคาดว่าจะปล่อยดาวเทียมไทยคม 8 สู่วงโคจรในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 อีกด้วย

บริษัทเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์เพียงรายเดียวในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกโดยเน้นขายช่องสัญญาณบรอดแบนด์ให้แก่บริษัทโทรคมนาคม ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และโครงการภาครัฐ อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์เพิ่มขึ้นจาก 25.2% ในปี 2555 เป็น 53.4% ในปี 2556 โดยเพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้ดาวเทียมไอพีสตาร์ในประเทศจีน ไทย และอินเดียเป็นสำคัญ ในช่วงปลายปี 2556 บริษัทได้ขายช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ทั้งหมดที่จัดสรรสำหรับประเทศจีนหรือคิดเป็น 24% ของช่องสัญญาณทั้งหมดโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าบริการขั้นต่ำและส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากการให้บริการ ทั้งนี้ รายได้จากไอพีสตาร์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 1,043 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 808 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

สถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้นและระดับภาระหนี้สินที่รับได้ ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจจะมาจากอัตราการใช้ดาวเทียมไทยคม 6 ที่สูงขึ้นและการปล่อยดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 สู่วงโคจรอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (หรือกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ในช่วง 47%-53% ในช่วงปี 2554-2556 อัตรากำไรจากการดำเนินงานได้รับแรงผลักดันจากการขยายบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ 45% สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 จากภาระค่าเช่าดาวเทียมอื่นเพื่อให้บริการแทนดาวเทียมไทยคม 6 เป็นการชั่วคราว ในช่วงปี 2557-2559 คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับ 45%-48% โดยได้รับแรงหนุนจากฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2556 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,398 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 2,800 ล้านในปี 2555 ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะสูงกว่า 40% ในช่วงเดียวกัน

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ประมาณ 35% ในปี 2555 และ 2556 ลดลงจาก 42% ในปี 2554 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2557-2559 โดยรวมประมาณ 10,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 นอกจากนี้ ยังคาดว่าระดับภาระหนี้สินของบริษัทในช่วงปี 2557-2559 จะเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น คาดว่าบริษัทจะใช้กระแสเงินสดภายในบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในระดับไม่เกิน 45% ในปี 2557-2559

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

THCOM14NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A-

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest