ดร.เจตน์สุระ วงศ์วิเชียร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในไตรมาสสุดท้าย คาดการณ์ว่าจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากการแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนกว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมองว่าทิศทางดอกเบี้ยจนถึงช่วงปลายปีน่าจะคงที่ ดังนั้นความต้องการผลิตภัณฑ์ของลูกค้าในกลุ่มออมเงินและลงทุน ก็ยังคงมองหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและมีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประเภทประกันแบบออมทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยาวจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่จะสามารถช่วยตอบโจทย์ในการกระจายความเสี่ยงในแผนการเงินได้เป็นอย่างดี
“โดยในช่วงเดือนกันยายนนี้ เอไลฟ์ได้เตรียมทำแคมเปญใหญ่ กระตุ้นการออมพร้อมกระจายความเสี่ยงของแผนการเงินไปในตัว ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงมาเปิดให้จองกันถึง 2 สไตล์ ทั้งแบบระยะสั้น 5 ปีและระยะยาว 10 ปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่ให้กับลูกค้าหรือผู้ออมเงิน เรียกได้ว่าเป็นอัตราที่สูงมากในตลาด และยังเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ออม ด้วยการจ่ายผลตอบแทนแบบคงที่ในระยะยาว ดังนั้นลูกค้าหรือผู้ออมเงินจะไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีความผันผวน เพราะผลตอบแทนที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์ เหมือนล็อคตัวเลขไว้ให้แล้วในระยะยาวเลย“ ดร.เจตน์สุระกล่าว
ทั้งนี้เอไลฟ์เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ Growth 5/2 Plus เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ระยะสั้น 5 ปี ที่ชำระเบี้ยประกันเพียง 2 ปี แต่ได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 4.18% พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองชีวิตตลอดอายุสัญญากรมธรรม์ ซึ่งอัตราผลตอบแทนและความคุ้มครองที่ลูกค้าจะได้รับ จะคำนวณจากทุนประกันภัยเริ่มต้นที่ลูกค้าทำไว้ โดยจะได้รับผลตอบแทนในอัตรา 3% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 และรับเพิ่มอีก 12% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 3 พร้อมรับเงินทุนประกันที่ทำไว้คืนให้เป็นก้อนสุดท้าย ซึ่งเมื่อรวมกับผลตอบแทนแล้วจะคิดเป็นจำนวน 224% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5 นอกจากนี้ยังได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 110% ในปีที่ 1 และคุ้มครองเพิ่มขึ้นสูงถึง 210% ในปีที่ 2 ถึง 5 โดยผลิตภัณฑ์นี้ จะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าในหลายช่วงอายุ เพราะจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำไม่สูงมาก เริ่มเพียง 30,000 บาทเท่านั้น จึงคาดว่าจะเป็นที่สนใจกับผู้ที่กำลังเริ่มเก็บออมเงิน หรือ ผู้ออมและผู้ลงทุนที่ต้องการหาแหล่งเงินฝากระยะสั้นดีๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ดังนั้น Growth 5/2 Plus จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
สำหรับผลิตภัณฑ์ Strike 10 เป็นประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ระยะยาวที่ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเป็นไฮไลท์ของแคมเปญอีกหนึ่งตัว เพราะได้รับประโยชน์จากการออมหลายต่อ โดยเงินออมก้อนแรกจะได้รับจากอัตราผลตอบแทนคงที่ ที่สูงถึงปีละ 4.5% รับยาวต่อเนื่องไปตลอด 10 ปี และก้อนที่สองจากเงินทุนประกันที่ทำไว้เมื่อครบสัญญา พร้อมรับความคุ้มครองชีวิต 110% ตลอดอายุกรมธรรม์ ซึ่งอัตราผลตอบแทนและความคุ้มครองที่ลูกค้าได้รับ จะคำนวณจากทุนประกันภัยเริ่มต้นที่ลูกค้าทำไว้ ส่วนเงินออมส่วนสุดท้าย จะมาจากเบี้ยประกันที่ชำระไว้ ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนดสูงสุดถึง 100,000 ดังนั้น Strike 10 จึงเหมาะกับกลุ่มลูกค้าออมเงินทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี หรือกลุ่มออมเงินที่ยังต้องการมีกระแสเงินสดไว้ใช้ในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอทุกปี เช่น ผู้ที่กำลังวางแผนเกษียณอายุ เป็นต้น นอกจากนี้ ลูกค้ายังไม่ต้องกังวลกับภาระการจ่ายเบี้ยแบบนานๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามแคมเปญการเปิดจองผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ผลตอบแทนสูงทั้ง 2 ประเภทนี้ จะเริ่มเปิดให้ลูกค้าเก่าและลูกค้าทั่วไปสามารถจองสิทธิ์ได้ 2 ช่วง โดยจำกัดจำนวนการขายทั้งหมดที่วงเงิน 300 ล้านบาท และจะปิดรับจองสิทธิ์ทันทีหากขายครบจำนวนก่อน สำหรับล๊อตแรกจะเปิดให้จองสิทธิ์ที่วงเงิน 150 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 1- 15 กันยายน 2557 และล๊อตที่ 2 จะเปิดให้จองสิทธิ์อีกครั้งที่วงเงิน 150 ล้านบาทเช่นกัน ในช่วงระหว่างวันที่ 16 – 30 กันยายน 2557 นี้ ลูกค้าที่สนใจสามารถโทรสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Call Center ของเอไลฟ์ 02-648-3333 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00- 17.00 น.
“จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวในครั้งนี้ เอไลฟ์มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีกับกลุ่มลูกค้าออมเงิน ที่ต้องการรับผลตอบแทนที่สูง ต้องการกระจายความเสี่ยง และอยากมีกระแสเงินสดรับคืนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเรียกได้ว่าทั้งสองผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้แบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น 5 ปี อย่าง Growth 5/2 Plus ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 4.18% และเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 30,000 บาท หรือ Strike 10 ที่มีจุดขายที่เด่นกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆมาก เนื่องจากในช่วงนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิต และให้ผลตอบแทนแบบไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยเอไลฟ์กล้าให้สูงถึง 4.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาก พร้อมทั้งยังสามารถนำเงินที่ได้ชำระค่าเบี้ย มาลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกทาง โดยมีเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 50,000 บาท ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะสามารถกระตุ้นกลุ่มลูกค้าออมเงินให้พิจารณาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งในการตัดสินใจในช่วงนี้ด้วย” ดร.เจตน์สุระ กล่าว