ทั้งนี้การเติบโตเป็นผลจากการปรับกลยุทธในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ BEAUTY ให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำเทรนด์ และการพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค (Quality & Trend) ตอบโจทย์แฟชั่นในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งบริษัทมีการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและเทรนด์แฟชั่นอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้สินค้าของ BEAUTY เป็นที่สนใจและมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์จัดกิจกรรมด้าน CRM กับลูกค้าสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายต่อบิลและอัตราการกลับมาซื้อของลูกค้าสมาชิกเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพในการขายของพนักงานหน้าร้าน (saleforce) โดยได้มีการ Re-trainingพนักงานขาย ทุกระดับเพื่อทบทวนและเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ
ส่วนการขยายสาขาภายในปี 2557 บริษัทจะมีการขยายสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ในต่างประเทศเพิ่มเติมอย่างน้อย 13 แห่ง ประกอบด้วย เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า ส่วนตลาดในประเทศจะมีการขยายสาขาของทั้ง 3 แบรนด์ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน BEAUTY BUFFET มีสาขารวม 199สาขา BEAUTY COTTAGE มีสาขารวม 61 สาขา และBEAUTY MARKET มีสาขารวม 10 สาขาทำให้มียอดรวมสาขาของทุกแบรนด์เป็น 270 สาขา นายแพทย์สุวิน กล่าว
นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปว่า แผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น บริษัทมีแผนกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ของทุก Shop Brand ภายใต้การบริหาร โดยจะใช้กลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ชุดของขวัญของทุกแบรนด์ รองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงเทศกาลส่งความสุข ซึ่งคาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศและนักท่องเที่ยว และส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 มีการเติบโตเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/57 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 362.51 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 247.84 ล้านบาท จำนวน 114.68 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.27% และมีกำไรสุทธิ 81.26ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48.25 ล้านบาท จำนวน 33.01ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 68.42%
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2557 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 958.59 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม อยู่ที่ 728.05 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.66% และมีกำไรสุทธิ 196.42ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 157.63ล้านบาท จำนวน 38.79 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.61%