ในหัวข้อ “ความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนไทยในสายตานักลงทุนต่างประเทศ”
นำเสนอโดย คุณสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ผลจากการศึกษาเรื่องความน่าสนใจของของบริษัทจดทะเบียนไทยในสายตานักลงทุนต่างประเทศ พบว่า ในช่วงที่ทำการศึกษาระหว่างปี 2551 - 2556 บริษัทจดทะเบียนไทยมีความแข็งแกร่ง กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนเติบโตสูงถึง 21% ต่อปี สะท้อนศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีความแข็งแกร่งสามารถก้าวข้ามทั้งช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก เหตุการณ์น้ำท่วมและปัญหาการเมืองภายในประเทศ ขณะที่สภาพตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความน่าสนใจ โดยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุดในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ ASEAN-5 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศให้มีความสนใจในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2557 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยรวมสูงถึง 4.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.53% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market capitalization) ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
จากการศึกษายังพบว่า มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ช่วยดึงดูดความสนใจของนักลงทุนต่างประเทศให้เข้าลงทุนในบริษัทจดทะเบียนไทย อาทิ 1) การลงทุนในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนไทย 2) การได้รับคัดเลือกเข้าไปในการคำนวณ International Benchmarking Index อาทิ MSCI Index เป็นต้น และ 3) การเข้าลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศในประเทศไทย เป็นต้น ปัจจัยต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้วนี้ล้วนมีส่วนช่วยให้บริษัทจดทะเบียนไทยเป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า นักลงทุนต่างประเทศไม่ได้ให้ความสนใจเพียงบริษัทที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีการซื้อขายและถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กที่มองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ (Corporate Good Governance) อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของผู้ทรง คุณวุฒิในอุตสาหกรรมทั้ง 3 ท่าน ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดในงานสัมมนาในครั้งนี้
ดร. วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ ผู้มีประสบการณ์ในด้านการพัฒนาในตลาดทุนไทย ได้ให้ความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า การที่บริษัทจดทะเบียนไทยมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งนี้ต้องย้อนไปถึงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ที่ทำให้ผู้ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยมีความระมัดระวังและมีวินัยในการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และนำมาซึ่งความแข็งแกร่งในปัจจุบัน และในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีการพัฒนาด้านกำกับดูแลกิจการในระดับสูงและได้รับการยกย่องจากธนาคารโลกว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสำคัญมาก
ขณะที่คุณปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองด้านบริษัทจดทะเบียนว่า นักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสนใจบริษัทจดทะเบียนไทยหรือไม่ ประเด็นสำคัญยังขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเป็นสำคัญ ที่ผ่านมาด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย กอปรกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง และจากการโรดโชว์ต่างประเทศร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้นักลงทุนต่างประเทศต้องให้ความสนใจกับบริษัทจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น นักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งไม่ได้หมายความเฉพาะเรื่องการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอเท่านั้น แต่หมายถึงต้องมีความจริงใจ เปิดเผยข้อมูลแก่นักลงทุนทุกกลุ่มด้วยความยุติธรรมเท่าเทียมกัน และแสดงถึงความตั้งใจในการรักษาวินัยในการบริหารกิจการภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล
ด้านคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) ผู้ทรงคุณวุฒิอีกท่าน ที่ให้มุมมองในฐานะบริษัทหลักทรัพย์ที่ติดต่อโดยตรงกับนักลงทุนต่างประเทศว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีหมวดธุรกิจที่มีความหลากหลาย ไม่กระจุกตัวเหมือนตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ขณะที่ราคาหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ และให้ความเห็นว่า การกำกับดูแลกิจการมีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า การกำกับดูแลกิจการในตลาดหุ้นไทยพัฒนาขึ้นมาก เนื่องจากความร่วมมือในทุกภาคส่วน ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ตลอดจนบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ที่มีการพัฒนาขึ้นมาก โดยในการทำงานด้านนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทจดทะเบียนควรทำอย่างสม่ำเสมอ จริงใจ ให้ข้อมูลที่เท่าเทียมกัน และเน้นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักลงทุนต่างประเทศ