นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มเห็นแนวโน้มของสัญญาณการผลักดันโครงการต่างๆของภาครัฐ มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2557 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2558 ธุรกิจของบริษัทเริ่มเห็นคำสั่งซื้อสินค้า มีงานทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากงานในส่วนของภาครัฐ จากนโยบายของรัฐบาลที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมไปถึงการขนส่งด้านรถไฟฟ้าต่างๆ อีกทั้งงานจากภาคเอกชน รวมไปถึงงานในพื้นที่ภาคตะวันออก และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยถือได้ว่าปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตในปี 2558 ของบริษัทให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยโอกาสในการเข้ารับงานใหม่ๆ นี้จะผลักดันให้งานในมือ (Backlog) มีโอกาสเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่บริษัทมี Backlog อยู่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการรับงาน โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมากขึ้น ทั้งนี้ Backlog ดังกล่าวจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องยาวถึงปี 2559 โดยระหว่างที่มีการส่ง มอบงานบริษัทก็จะหางานใหม่เข้ามาทดแทนทันที เพื่อให้มีฐานรายได้ที่มั่นคง
สำหรับผลประกอบการปี 2557 ของบริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,660.11 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 8.47% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,906.55 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิรวม จำนวน 207.84 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 47.32 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 394.57 ล้านบาท โดยการปรับตัวลดลงดังกล่าวเนื่องจากปี 56 มีรายการพิเศษจากจากการขายสิทธ์ในทรัพย์สินของบริษัทในเครือ ซึ่งในปี 2557 ไม่มี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) ของบริษัทจากเดิมราคาพาร์ 1 บาท/หุ้น เป็นราคาพาร์ 25 สตางค์/หุ้น ซึ่งจะส่งผลให้จำนวน หุ้นสามัญเพิ่มขึ้น จากเดิม 638,784,504 หุ้นเป็นจำนวน 2,555,138,016 หุ้น (เข้าขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 30 มีนาคม 2558)
“การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 1 บาท เป็น 25 สตางค์ เนื่องจากบริษัทต้องการให้หุ้น มีสภาพคล่องสูงขึ้นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นและราคาหุ้นที่ลดลง เพื่อดึงดูดนักลงทุน ที่เข้ามาลงทุน ในหุ้นของบริษัทมีหลากหลาย และช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายโดยไม่มีผลกระทบในแง่ Price Dilution และ Control Dilution รวมถึงไม่ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเปลี่ยนไป คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติเปลี่ยนแปลงราคาพาร์จาก 1 บาทต่อหุ้น เป็น 25 สตางค์ต่อหุ้น”
ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลงวดผลประกอบ การปี 2557 จำนวนเงินปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 59.16 ล้านบาท รวมแล้วเท่ากับ 61.56% ของกำไรสุทธิ หลังหักเงิน สำรองตามกฎหมายแล้ว โดยอนุมัติให้จ่ายปันผลในรูปแบบของหุ้นในอัตรา 12 หุ้นสามัญ (หลังเปลี่ยนแปลง ราคาพาร์เป็น 25 สตางค์/หุ้น) ต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 0.020833333 บาทต่อหุ้น จำนวน หุ้นปันผลไม่เกิน 212,926,686 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท (หลังเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้) และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0023169 บาทต่อหุ้น จากจำนวนที่ออกชำระแล้ว หลังเปลี่ยนแปลง ราคาพาร์เป็น 25สตางค์/หุ้น คิดเป็นเงินปันผลไม่เกิน 5.92 ล้านบาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่จะได้สิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 เมษายน 2558 และ รวบรวมรายชื่อโดยวิธีปิดสมุด ทะเบียน ในวันที่ 17 เมษายน 2558 กำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 30 เมษายน 2558 (จำนวนหุ้นปันผล และเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลังการใช้สิทธิ ของ CCP-W2 ในวันที่ 31 มีนาคม 2558)
"คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้นจึงกำหนดอัตรา จ่ายหุ้นปันผลโดยคำนวณจากหุ้นสามัญหลังการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์ กล่าวคือ ผู้ถือหุ้นสามัญหลังเปลี่ยนแปลงราคาพาร์แล้วที่ถือหุ้น 12 หุ้น จะได้รับจัดสรรหุ้นปันผล 1 หุ้น คิดเป็น อัตราปันผลเป็นหุ้นเท่ากับ 0.020833333 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับปันผลเป็นเงินสด ผู้ถือหุ้นจะได้ รับปันผลรวมในอัตราเท่ากับ 0.023150233 บาทต่อหุ้น อีกทั้งผู้ถือหุ้นที่จะได้รับปันผลในครั้งนี้ ทั้งหุ้นปันผลและเงินปันผล จะรวมถึงผู้ถือหุ้นที่ได้หุ้นมาจากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ฯรุ่นที่2 หรือ CCP-W2 ซึ่งกำหนดวันใช้สิทธิวันที่ 31 มีนาคม 2558 นี้ด้วย" นายอาทิตย์ กล่าว