นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในที่หมายสำคัญที่นักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศต้องการเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมด้านแรงงาน มีทัศนคติที่ดีในการพัฒนาตัวเอง ขยัน อดทน และเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกันเวียดนามยังเป็นตลาดรองรับสินค้าที่น่าสนใจ ด้วยประชากรมากกว่า 90 ล้านคน ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย ได้สร้างเครือข่ายบริการในเวียดนาม โดยการจับมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำสองแห่งของเวียดนาม ได้แก่ เวียตตินแบงก์ (VietinBank) และอกริแบงก์ (AGRIBANK) ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดสำนักงานผู้แทน ธนาคารกสิกรไทย ในเวียดนามสองแห่ง คือ กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดูแลธุรกิจของลูกค้าที่ต้องการขยายตลาดไปยังเวียดนาม โดยลูกค้าเป้าหมายหลักที่มุ่งเน้นให้บริการ คือ บริษัทไทยที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนามทั้งเพื่อการค้าระหว่างประเทศและเพื่อการลงทุนในเวียดนาม รองลงมาคือลูกค้าบริษัทจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงานผู้แทน ธนาคารกสิกรไทย ในเวียดนาม จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ กับลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทไทยที่ขยายธุรกิจเข้าไปในเวียดนาม ดูแลโครงการลงทุนที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคารกสิกรไทย เตรียมงานวิจัยข้อมูลตลาดเวียดนามเพื่อสนับสนุนการวางแผนธุรกิจให้แก่ลูกค้า สนับสนุนกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับเวียดนาม รวมทั้งการดูแลลูกค้ากลุ่มผู้ส่งออกเวียดนามในการเข้าถึงตลาดอาเซียนผ่านเครือข่ายระหว่างประเทศ พร้อมสนับสนุนการให้บริการด้านธุรกรรมแก่ลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจในเวียดนามผ่านเครือข่ายบริการของเวียตตินแบงก์ (VietinBank) ธนาคารชั้นนำของเวียดนาม ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของธนาคารและมีเครือข่ายสาขาในเวียดนาม 147 แห่งทั่วประเทศ
นายปรีดี กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของธนาคารกสิกรไทยที่แตกต่างจากธนาคารพาณิชย์อื่นในเวียดนาม คือ การเป็นผู้นำด้านการให้บริการผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศไทย ดังนั้นธนาคารฯ จึงมีความเข้าใจในธุรกิจไทย และพร้อมจะสนับสนุนทางการเงินและคำปรึกษาให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการของไทยที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนาม รวมทั้งมีความพร้อมที่จะให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กของเวียดนามที่เป็นหนึ่งในซัพพลายเชนของลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ทั้งธุรกิจไทย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ภายใต้ยุทธศาสตร์การเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม ธนาคารกสิกรไทยได้เชื่อมต่อธุรกิจทั่วอาเซียนผ่านการจัดตั้งธนาคารท้องถิ่น สาขาและสำนักงานผู้แทน รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับธนาคารชั้นนำ 66 แห่ง ในจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมากจากการลงนามความร่วมมือ Bangkok Declarationเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความร่วมมือด้านธุรกิจระหว่างธนาคารชั้นนำใน AEC+ ส่งผลให้มีการแนะนำลูกค้าระหว่างกัน การจับคู่ทางธุรกิจ ฯลฯ ทั้งนี้ ในอนาคตเมื่อทางการเวียดนามอนุญาตให้เปิดสาขาได้ ธนาคารกสิกรไทยมีแผนจะยกระดับสำนักงานผู้แทนในเวียดนาม ให้เป็นสาขาต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ธนาคาร ฯ เพิ่มบทบาทในการให้บริการด้านการเงินที่มากขึ้น ร่วมทั้งการให้การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีของเวียดนามด้วย
ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติของสำนักงานสถิติเวียดนามปี 2556 ปริมาณการค้าระหว่างเวียดนามกับอาเซียนได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีอัตราการเติบโต 9.6% เวียดนามกับไทยเติบโต 14.8% เวียดนามกับจีนเติบโต17.6% และเวียดนามกับญี่ปุ่น เติบโต 2.7% สำหรับธุรกิจไทยที่มีแนวโน้มสดใสในการเข้าไปลงทุนในเวียดนามได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ด้านสินค้าส่งออกหลักของไทยไปยังประเทศเวียดนาม ได้แก่ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปอย่างน้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีสำนักงานต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่นๆ รวมทั้งสิ้น14 แห่ง แบ่งเป็น ธนาคารท้องถิ่น 1 แห่ง ได้แก่ สปป.ลาว สาขา 6 แห่ง ได้แก่ สาขาเซินเจิ้น สาขาย่อยหลงกั่ง สาขาเฉิงตู สาขาฮ่องกง สาขาลอสแองเจิลลิส สาขาหมู่เกาะเคย์แมน สำนักงานผู้แทน 7 แห่ง ได้แก่ สำนักงานผู้แทนปักกิ่ง สำนักงานผู้แทนเซี่ยงไฮ้ สำนักงานผู้แทนคุนหมิง สำนักงานผู้แทนย่างกุ้ง สำนักงานผู้แทนฮานอย สำนักงานผู้แทนโฮจิมินห์ สำนักงานผู้แทนโตเกียว นอกจากนี้ภายในปี 2558 ธนาคารได้เตรียมการจัดตั้งสาขาพนมเปญ สำนักงานผู้แทนจาการ์ตาอีกด้วย