บลจ.กสิกรไทย มองหุ้นไทยยังไม่เสื่อมมนต์ เล็งเห็นโอกาสทำกำไร พร้อมชู 3 กองทุนหุ้นเด่น แนะทยอยลงทุนรับดัชนีหุ้นปลายปี ที่ 1,700 จุด

ศุกร์ ๒๐ มีนาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๔๖
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน โดยเฉพาะยังมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ และแผนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ที่จะช่วยผลักดันความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงการฟื้นตัว และระดับราคาหุ้นไทยปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโตของผลกำไรได้ในอนาคต

ทั้งนี้ แม้ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากเหนือระดับ 1,600 จุด ลงมาถึงใกล้ระดับ 1,500 จุด จนทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลนั้น เชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกออกมาค่อนข้างชะลอตัว อาทิ ตัวเลขการส่งออก การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่แผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานและงบประมาณภาครัฐยังต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ รวมถึงความไม่แน่นอนของการประมูล 4G ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยจึงยังขาดแรงขับเคลื่อนที่ชัดเจน และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้นับตั้งแต่ต้นปี มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลออกไปจากตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 9 พันล้านบาท

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้จะเป็นไปในเชิงลบ แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับปัจจัยบวกด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยในแง่เศรษฐกิจมหภาคจะส่งผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะปรับตัวดีขึ้นจากการนำเข้าที่ลดลง ส่วนในแง่จุลภาคจะทำให้ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์ในแง่ต้นทุนที่ลดลง และส่งผลต่อเนื่องไปยังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมที่จะปรับตัวดีขึ้น ยกเว้นในกลุ่มพลังงานที่น่าจะยังคงได้รับปัจจัยลบอยู่ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า หากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปีนี้ที่ระดับ 4.00%

นอกจากนี้ ด้านปัจจัยภายนอกประเทศที่จะต้องจับตามอง คือเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ยังคงมีความไม่ชัดเจนและได้กดดันสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย แม้ว่าผลการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา FED ได้ตัดคำว่า “อดทนรอ” ต่อการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ซึ่งเปิดทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ให้มีความเป็นไปได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงดังกล่าวของ FED ก็ได้ระบุว่ายังมีความกังวลต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ดังนั้นในอีกแง่หนึ่ง อาจทำให้มีโอกาสที่ FED จะยังไม่รีบร้อนปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้การส่งสัญญาณที่ไม่แน่ชัดของ FED นี้เอง อาจส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนในระยะสั้นและกดดันบรรยากาศการลงทุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก อาทิ ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น จะยังช่วยสนันสนุนให้สภาพคล่องในตลาดการเงินมีอยู่ในระดับที่เพียงพอ และทำให้มีเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าในตลาดหุ้นเพิ่มเติมได้

จากปัจจัยที่กล่าวมา บลจ.กสิกรไทยจึงยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย โดยยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,700 จุด และบริษัทมีกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้ โดยจะเน้นการลงทุนในกลุ่มที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง และในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐบาลโดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วัสดุและรับเหมาก่อสร้าง และขนส่ง โดยจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวังตามสภาวะตลาดที่อาจมีความผันผวน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสามารถใช้โอกาสในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีราคาที่อ่อนตัวลงนี้ เป็นจังหวะที่เข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นไทยได้ หรือสามารถลงทุนกับกองทุน LTF/RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น รวมถึงกองทุนหุ้นของบลจ.กสิกรไทยที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกระจายการลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม, กองทุนเปิดเค สตาร์หุ้นทุนคืนกำไร (K-STAR) ซึ่งมีนโยบายลงทุนระยะสั้นถึงปานกลางในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีจุดเด่นโดยจะทำการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมีกำไรถึงจุดที่กำหนด และกองทุนเปิดเค สตราทีจิค เทรดดิ้ง หุ้นทุน (K-STEQ) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีจุดเด่นโดยจะมีการซื้อขายทำกำไรตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม และสามารถลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กบางส่วน เพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม

ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-EQUITY กองทุน K-STAR กองทุน K-STEQ และกองทุน LTF/RMF ของบลจ.กสิกรไทย สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4