ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
“กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพและมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี ควบคู่ไปกับโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งเรามองว่า เงินฝากและตราสารหนี้ของประเทศตุรกียังเป็นทางเลือกที่จะสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีได้ โดยตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KEFF3MY) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ (KEFF6MBA) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนส่วนใหญ่ในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF3MY และกองทุน KEFF6MBA สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com