นายยู ยูน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งส่งผลทำให้จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทเพิ่มขึ้น 320,000,000 หุ้น เป็นจำนวน 1,280,000,000 หุ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2557 เป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 320,000,000 บาท (โดยคำนวณจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท) และมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 320,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ในอัตรา 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 80,000,000 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.0625 บาทต่อหุ้น (ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นเดิมคงเหลือภายหลังการจัดสรรหุ้นปันผลแล้ว บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดแทนการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0625 บาท) โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 โดยให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 (ทั้งนี้ วันที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล หรือ XD Date กำหนดเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2558)
ขณะเดียวกัน ยังมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 80,000,000 บาท จากเดิม 320,000,000 บาท รวมเป็นจำนวน 400,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 320,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
“การเปลี่ยนแปลงราคาพาร์เดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาหุ้น BJCHI ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์ใหม่เป็น 0.25 บาท/หุ้น จะทำให้หุ้นมีสภาพคล่องมากขึ้น" นายยู ยูน กล่าวเสริม
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน เนื่องมาจาก ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 3.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ประกอบกับงานโครงการ High Potential Projects (งานที่มีโอกาสสูงที่จะได้รับงานดังกล่าว) ที่มีมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท จะทราบผลสรุปภายในเร็วๆ นี้
“นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าร่วมประมูลงานโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งจากที่บราซิลและออสเตรเลีย และภูมิภาคอื่นๆ โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน” นายยู ยูน กล่าวในที่สุด