ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บล. ธนชาต” เป็น “A+” จาก “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

พุธ ๒๙ เมษายน ๒๐๑๕ ๐๙:๒๑
ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A+” จาก “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการที่ทริสเรทติ้งให้น้ำหนักความสำคัญที่เพิ่มขึ้นต่อการสนับสนุนที่บริษัทอาจได้รับจากบริษัทแม่ในฐานะเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนชาต ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีแนวทางการบริหารงานที่ระมัดระวัง ตลอดจนความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสภาพคล่องและฐานทุนที่เพียงพอ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากเครือข่ายและความสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่มีอยู่อย่างกว้างขวางทั่วประเทศซึ่งจะช่วยเสริมสถานะทางการตลาดของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันต่ออัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบที่ผ่านมา

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารธนชาตและยังคงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนชาตต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาระบบจัดการความเสี่ยงเอาไว้ให้มีเพียงพอเพื่อใช้ควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ อีกทั้งบริษัทจะสามารถเรียกคืนส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศให้กลับมาได้ในอนาคตอันใกล้

อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับลดลงได้หากการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงหรือ ความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์เป็นสาเหตุให้บริษัทมีผลประกอบการต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดได้หากอันดับเครดิตของกลุ่มธนชาตอ่อนแอลง ส่วนโอกาสที่อันดับเครดิตและหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะถูกปรับขึ้นนั้นมีจำกัดเมื่อคำนึงถึงสถานะเครดิตในปัจจุบันของธนาคารธนชาต

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้ที่ระดับ 4%-5% โดยในปี 2557 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 4.5% ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 6 จากโบรกเกอร์จำนวน 33 ราย ในปี 2556 บริษัทได้ลงนามในสัญญาการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Daiwa Securities Group Inc. (Daiwa) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมมือกันดำเนินธุรกิจเผยแพร่บทวิเคราะห์ (Co-branded Research) แก่กลุ่มลูกค้าสถาบันจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าในตลาดแถบเอเซีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานนักลงทุนต่างชาติได้อีกครั้งหลังจากต้องสูญเสียปริมาณการซื้อขายจากนักลงทุนต่างชาติไปภายหลังการสิ้นสุดการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระยะเวลา 5 ปีกับพันธมิตรต่างชาติรายหนึ่งในปี 2553

ในฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดยธนาคารธนชาต บริษัทได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธนชาตทั้งในด้านการทำธุรกิจและในด้านการเงิน บริษัทใช้ประโยชน์จากสาขาของธนาคารธนชาตในการขยายฐานลูกค้ารายย่อยมาโดยตลอด โดยกว่า 30% ของบัญชีเปิดใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารธนชาต บริษัทยังใช้ผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินและบริการของธนาคารธนชาตในการต่อยอดการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร นอกเหนือจากความช่วยเหลือในการขยายธุรกิจแล้ว ธนาคารธนชาตยังให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทผ่านการให้วงเงินสินเชื่อด้วย การเกื้อหนุนเหล่านี้ช่วยทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ

บริษัทมีเงินลงทุนที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนประมาณ 2-3 บริษัท โดย ณ เดือนธันวาคม 2557 มูลค่าตลาดของเงินลงทุนเหล่านั้นอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท แม้ว่าเงินลงทุนนี้จะสร้างผลตอบแทนแก่บริษัทในรูปของรายได้จากเงินปันผล แต่ก็ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อยู่บ้าง นอกเหนือไปจากนี้แล้วก็ถือว่าบริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ไม่มากนักเนื่องจากบริษัทมีนโยบายการลงทุนเพื่อผลตอบแทนแบบ Arbitrage กับการซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ เท่านั้น โดยไม่มีการเก็งกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์รายวัน ในส่วนของความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อนั้น บริษัทมียอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 3.6 พันล้านบาท เทียบกับ 3.1 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 โดยยอดสินเชื่อของบริษัทในระดับดังกล่าวคิดเป็น 6.4% ของสินเชื่อรวมของทั้งอุตสาหกรรมและคิดเป็น 112% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไปโดยใช้เกณฑ์การเรียกหลักประกันเพิ่มและการบังคับขายที่เคร่งครัด รวมทั้งคงนโยบายการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันและการให้วงเงินที่เข้มงวด

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีและเทียบเคียงได้กับคู่แข่ง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็อยู่ในระดับไม่สูง โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ 57% ในปี 2557 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 3.3 พันล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ 65% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 7% ที่ทางการกำหนด

บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4